HoonSmart.com>>หุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX จะไปทางไหนดี? หลังจาก”คีรี กาญจนพาสน์ ” กระโดดเข้าซื้อหุ้นในวันแรกของการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 24 ธ.ค. 2563 จำนวน 12 ล้านหุ้น หรือ 0.6896% ที่ราคาเปิด 65 บาท เป็นเงิน 680 ล้านบาท นัดหมายตรงกันกับบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ซื้อจำนวน 22.58 ล้านหุ้น หรือ 1.2977% เป็นเงินจำนวน 1,467.7 ล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัทวีจีไอ (VGI) ถืออยู่ก่อนหน้า 331.20 ล้านหุ้นหรือ 19.0344% ทำให้กลุ่มบีทีเอสฯ มีหุ้นทั้งหมด 365.78 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.0218% ของทุนเรียกชำระแล้ว
ในวันเดียวกัน นาย กวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริษัท KEX ขายหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด 1 แสนหุ้น ออกไปในราคา 49 บาทต่อหุ้น
เกิดคำถามว่า หุ้น KEX ควรจะมีราคาเท่าไร
จากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(IPO) ที่ราคา 28 บาท วันแรกของการเข้าตลาดหลักทรัพย์ สร้างกำไรให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกันได้สร้างความเจ็บปวดให้ด้วยเช่นกัน หากเข้าไม่ถูกจังหวะ โดยเฉพาะรายที่ชอบกระโดดเข้าใส่ตอนเปิดการซื้อขายที่ 65 บาทและไล่ขึ้นสูงสุด 73 บาท หลังจากนั้นก็ไหลลงมาปิดวันแรก 51.25 บาท +23.25 หรือ 83.04% และลงต่อเนื่องในวันที่ 2 เหลือราคา 49.50 บาท ลดลง 1.75 บาทหรือ 3.41%
นักลงทุนที่ติดยอดดอย ได้แต่หวังว่าแนวโน้มธุรกิจที่เติบโต กำไรที่ดีต่อเนื่อง น่าจะทำให้หุ้น KEX ปรับตัวขึ้นไปเคลื่อนไหวแถว 60-70 บาทได้อีกครั้ง แต่ด้วยการเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มาร์เก็ตแคปกว่า 86,130 ล้านบาท และเป็นธรรมชาติของหุ้นใหม่ ในช่วงสั้นๆ ยังต้องใช้เวลาขยับ เพื่อสร้างฐานที่เหมาะสมอีกระยะหนึ่งก่อน
ด้าน บล.บัวหลวงให้ราคาเป้าหมาย 37 บาท จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยจะหนุนการเติบโตของปริมาณขนส่งพัสดุและกำไรของบริษัทแข็งแกร่งไปอีกหลายปี นอกจากนี้เครือข่าวโลจิสติกส์ที่ยิ่งใหญ่ของบริษัททำให้เกิดกำแพงป้องกันผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามา
“KEX มีต้นทุนต่อหน่วยการขนส่งลดลง ขณะที่บริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมกำลังขาดทุนจากการดำเนินงาน เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาและต้นทุนการดำเนินงานที่สูง โดยบริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี คาดว่าผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาต้องแบกรับผลขาดทุนขั้นต้นราว 15 บาท/การจัดส่งพัสดุ 1 ชิ้น หากให้บริการจัดส่งทั่วประเทศด้วยคุณภาพของบริการและราคาใกล้กับเคียงกับบริษัท”
นอกจากนี้ได้ประมาณการว่า KEX จะมีเงินสดและรายการเทียบเท่า ณ สิ้นปี 2563 ราว 1.4 หมื่นล้านบาท D/E ต่ำเพียง 0.1 เท่า บริษัทยังมีความสามารถในการลงทุนขยายธุรกิจต่อได้อีกมาก และเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการกำไร คาดในปี 2563-2566 บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 23% และกำไรหลักที่ 21% คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 1,412 ล้านบาท ปีหน้า อยู่ที่ 1,733 ล้านบาท และ 2,064 ในปี 2565 ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,030 ล้านบาท
บล.บัวหลวงมองการระบาดของโควิด-19 กลับยิ่งทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ร้านค้าปลีก e-Tailer (ร้านค้าบนอินเตอร์เน็ตเสนอขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง) เร็วขึ้น KEX จึงเป็นหุ้นที่ชื่นชอบที่สุดในกลุ่มขนส่ง
อ่านข่าว
