หุ้นไทยยังดูดี ต่างชาติซื้อต่อ เงินบาทแข็งค่าสุด 7 ปีครึ่ง

HoonSmart.com>> หุ้นบวกแค่ 1.80 จุด วอลุ่มหนาแน่น112,756 ล้านบาท มีบิ๊กล็อต AWC-TMB โผล่ 36,500 ล้านบาท ต่างชาติโชว์ขายหุ้น -2,635 ล้านบาท หากหักธนาคารโนวาสโกเทีย ทิ้งหุ้นธนาคารทหารไทยกว่า 5 พันล้านบาท มียอดซื้อสุทธิ บล.เมย์แบงก์ฯมองตลาดยังดี รอย่อเป็นจังหวะซื้อ หุ้นเด่น IVL, PTTGC, GLOBAL, MAJOR  เงินบาทปิดที่ 29.80 แข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง สหรัฐขึ้นบัญชีไทย ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน ราคาทองผันผวน  ปรับ 10 รอบ ปิดเพิ่มขึ้น 50 บาท

วันที่ 17 ธ.ค. 2563 ตลาดหุ้นมีแรงขายทำกำไรระหว่างทาง จากดัชนีขึ้นไปสูงสุด 1,495 จุด ปิดที่ระดับ 1,483.89 จุด +1.80 จุด หรือ +0.12% มูลค่าการซื้อขาย 112,756.84 ล้านบาท โดยพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 1,173 ล้านบาท  สถาบันไทยเก็บ 868.64 ล้านบาท และนักลงทุนซื้อสุทธิ 593.85 ล้านบาท

ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขาย  2,635 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากธนาคารโนวาสโกเทียขายหุ้นธนาคารทหารไทย (TMB) กว่า 5,000 ล้านบาท สรุปน่าจะมียอดซื้อสุทธิ ขณะเดียวกันบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด 18.9% ตามด้วย บล.ธนชาต 16.61% ส่วนแชมป์ บล.เกียรตินาคินภัทร มีส่วนแบ่งตลาดอันดับสาม 12.24%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นขึ้นไปสูงสุด 1,495.37 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับแนวต้านสำคัญ ทำให้มีจังหวะของการขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ภาพรวมของตลาดปรับตัวดี อยู่เส้นค่าเฉลีย EMA 5 วัน ที่ 1,475 จุด

ส่วนมูลค่าการซื้อขายที่สูงกว่า 1.12 แสนล้านบาท  มีบิ๊กล็อตประมาณ 36,500 ล้านบาท แบ่งเป็น AWC  ประมาณ 31,500 ล้านบาท มองว่าเป็นเพียงการปรับโครงการสร้างภายในบริษัท ส่วนอีกประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นการซื้อขายหุ้น TMB  ของธนาคารโนวาสโกเทีย

แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค. 63) มองว่าดัชนีแกว่งตัวในกรอบที่ 1,475-1,500 จุด กลยุทธ์ใช้จังหวะหุ้นย่อตัวลงมาในการเข้าซื้อหุ้น ซึ่งบล.เมย์แบงก์ฯ แนะนำหุ้นเด่น IVL ,PTTGC ,GLOBAL และ MAJOR ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตามได้แก่กระแสเงินทุนของต่างประเทศ หากยังเข้ามาต่อเนื่อง ก็จะเป็นปัจจัยหนุนตลาด

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีสัญญาณทยอยฟื้นตัว และน่าจะได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและประคองกำลังซื้อของภาครัฐ สนับสนุนบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศไปจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2564

ส่วนเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ยังต้องรอติดตามท่าทีและการดูแลโจทย์สถานการณ์เงินบาทแข็งค่า หลังจากหลุดแนวสำคัญทางจิตวิทยาที่ 30.00 บาท/ดอลลาร์ฯ มาแตะระดับ 29.83 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งนับเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หลังกระทรวงการคลังสหรัฐรายงานการประเมินนโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญ  จัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม Monitoring List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อประเทศที่สหรัฐฯ จะติดตามทิศทางนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การเข้าไปอยู่ในบัญชี Monitoring List ของสหรัฐฯ อาจทำให้นักเก็งกำไร และผู้เล่นในตลาดเงิน ตลาดทุนมองว่า ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ น่าจะเผชิญข้อจำกัด และอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้นในการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อดูแลความเคลื่อนไหวสกุลเงินของประเทศตัวเอง

ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด  ส่วนการที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน Monitoring list  ไม่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจที่มีการค้าการลงทุนกับสหรัฐฯ  และไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของ ธปท.เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินภายในประเทศ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ของธนาคารกลางและความจำเป็นของสถานการณ์