HoonSmart.com>>”การบินกรุงเทพ” เปิดแผนลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด เพิ่มสภาพคล่อง เล็งขายเครื่องบิน 2 ลำไตรมาส 1/64 ลดเช่าเครื่องบินอีก 1-2 ลำ ด้าน AAV คาดยอดผู้โดยสารเดือนธ.ค.เฉลี่ย 80-85% ได้ 5 เส้นทางยอดนิยม ด้านนักวิเคราะห์จากบล.เอเซียพลัส-บล.หยวนต้า มองตรงกันทุกบริษัทมุ่งบริหารค่าใช้จ่าย แนะ AAV เป็นหุ้นเด่น หากมีการเดินทางท่องเที่ยว บริษัทมีลูกค้าจีนมาก ควบคุมโควิด-19 ได้
นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการเงินและบัญชี บริษัท การบินกรุงเทพ (BA) ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ธุรกิจสนามบิน เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้มีประสิทธิมากขึ้น คาดว่าจะขายเครื่องใบพัด ATR72-500 จำนวน 2 ลำ จากจำนวนเครื่องบินทั้งหมด 39 ลำ คาดว่าจะเจรจาขายเสร็จสิ้นในไตรมาส 1 ปี 2564 และลดการเช่าเครื่องบินอีก 1-2 ลำ โดยปีนี้ได้ลดการเช่าเครื่องบิน 1 ลำ
“การขายและการลดเช่าเครื่องบิน เป็นวิธีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ด้วย โดยเรายังไม่มีการลงทุนใดๆเพิ่มเติม ในช่วงนี้ต้องยอมรับว่าปริมาณบินของเรามีเพียง 20% จากเส้นทางในประเทศทั้งหมด คาดว่าปีหน้าจะฟื้นดีขึ้น จากวัคซีนโควิด-19 ที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และการเปิดประเทศ อยากให้ภาครัฐช่วยปลดล็อกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยให้การบินในประเทศฟื้นดีขึ้นกว่าเดิม” นายอนวัช กล่าว
ด้านนายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอเชียเอวิเอชั่น (AAV) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในเดือน ธ.ค.นี้จะมียอดผู้โดยสารเฉลี่ยสูงถึง 80-85% โดยเฉพาะในเส้นทางยอดนิยมและเส้นทางข้ามภาคต่างๆ เนื่องจากยังไม่มีการให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศ คนจึงเลือกที่จะเดินทางภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย
ในเดือน ธ.ค. เป็นช่วงหยุดยาวประจำปี ที่มีการเดินทางสูง และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยปีนี้แอร์เอเชียได้เพิ่มการให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เสริมจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในเส้นทางยอดนิยม จากกรุงเทพฯ สู่ เชียงใหม่ น่าน ภูเก็ต หาดใหญ่ และนครศรีธรรมราช ทำให้เส้นทางต่างๆ มีความถี่เที่ยวบินต่อวันสูงมาก จากสถิติพบว่ามียอดการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในอัตราน่าพอใจ
” เราเดินหน้าเพิ่มความถี่เที่ยวบินเต็มที่ในทุกเส้นทาง โดยมีปริมาณที่นั่งภายในประเทศที่ให้บริการกลับมาครบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเรายังยืนยันในมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างดีที่สุด ทั้งเพื่อผู้โดยสารและพนักงานทุกคน” นายสันติสุข กล่าว
ด้านนายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า สายการบินต่างๆเริ่มลดค่าใช้จ่ายพนักงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย หรือบางสายการบินมีการปลดพนักงานออก ซึ่งการลดค่าเช่าเครื่อง ก็เป็นกลยุทธ์ของสายการบิน โดยไม่มีการต่ออายุเครื่องบินที่ครบกำหนด และควบคุมบริหารจัดการเครื่องบินเดิม ในสถานการณ์ต่างประเทศยังบินไม่ได้ จำนวนเครื่องบินจึงมีเพียงพอต่อการบินในประเทศ
ส่วนการเปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยนั้น มองว่ายังเป็นเรื่องที่ยาก ส่วนใหญ่ที่เดินทางมาจะเป็นเรื่องของการเข้ามาพักรักษา หรือมาติดต่อธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเดินทางข้ามประเทศอย่างเร็วที่สุดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แต่การเริ่มผ่อนปรนการเดินทางข้ามประเทศ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สำหรับหุ้นเด่นที่คาดว่าจะสามารถฟื้นได้เร็วที่สุดของกลุ่มสายการบิน ทางฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำหุ้น AAV จากการที่มีสัดส่วนให้บริการในประเทศประมาณ 60% ซึ่งเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติแล้ว และหากควบคุมต้นทุนได้ดี ปี 2564 จะสามารถพลิกมามีกำไรได้ ถ้าหากภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ประเทศในเอเชียที่มีการควบคุมโควิด-19 ได้ดีจะเป็นกลุ่มประเทศแรกๆที่จะเข้ามาท่องเที่ยว อาทิ ประเทศจีน ไต้หวัน และสิงคโปร์ ซึ่งกลุ่มดังกล่าว เป็นกลุ่มลูกค้าของ AAV ด้วย โดยกลยุทธ์แนะนำรอจังหวะราคาหุ้นย่อตัวในการเข้าซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มการบินปรับขึ้นมามาก ตามตลาดหุ้นไทยที่ฟื้น
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การลดต้นทุนของแต่ละสายการบินในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ละสายการบินมีการลดเงินเดือนพนักงาน และเริ่มพักงานบางส่วน เพื่อรอให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นจึงเรียกพนักงานกลับมาทำงาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
ในส่วนกรณีการเดินระหว่างประเทศที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการเป็นลำดับ มองว่าไม่ได้ส่งผลบวกต่อธุรกิจสายการบินมากนัก แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นเพราะความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังจากประเทศจีนมีวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้ได้ผลดีที่สุด และคาดหวังนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวในประเทศไทย หากมีมาตรการ Travel Bubble ประเทศจีนคาดว่าจะเป็นประเทศแรกที่สามารถเดินทางได้ โดยทาง บล.หยวนต้าแนะนำ AAV เนื่องจากได้ประโยชน์จากการมีลูกค้าประเทศจีนมาก และราคาหุ้นยังไม่สูงเท่าไร P/BV ที่ 0.6 เท่า
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา หุ้นการบินปรับตัวขึ้นแรง นำโดย บริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK) ปิดที่ 0.52 บาท +0.16 บาท หรือ 24.24% AAV ปิดที่ 2.46 บาท +0.16 บาทหรือ 6.96% BA ปิดที่ 6.70 บาท +0.35 บาทหรือ 5.51% ส่วนบริษัทการบินไทย(THAI) ปิดไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 3.06 บาท