“บีแคป” มองหุ้นเทคฯ จีนโตอีกไกล ชู BCAP-CTECH ครอบคลุมหุ้นมากสุด ค่าฟีต่ำ

HoonSmart.com>> บลจ.บางกอกแคปปิตอล มองแนวโน้ม “หุ้นเทคโนโลยีจีน” เติบโตได้อีกไกล ตลาดจีนขนาดใหญ่ แบรนด์ดังติดอันดับโลกมีศักยภาพแข่งเวทีโลกหนุนโตก้าวกระโดด ชูทางเลือกลงทุนผ่านกองทุน BCAP-CTECH กองเดียวในไทยลงทุนครอบคลุมหุ้นชั้นนำจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ-จีน-ฮ่องกง ค่าบริหารจัดการต่ำ

ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล (BCAP) หรือบีแคป ให้สัมภาษณ์ HoonSmart.com>> ถึงมุมมองการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีนว่า ยังคงมีมุมมองเชิง “บวก” และเชื่อว่าหุ้นเทคโนโลยี จีนมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากตลาดเทคโนโลยีของจีนมีขนาดใหญ่ ผู้ใช้งานมากถึงพันล้านรายและรู้จัก “อินเตอร์เน็ต” ครั้งแรกกับการใช้บน “มือถือ” จึงมีความคุ้นเคย ทำให้รูปแบบทางธุรกิจต่างๆ บนมือถือกลายเป็น Eco System ใหม่ โอกาสของธุรกิจผ่านมือถือเติบโตได้มากและรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐฯ

บริษัทเทคโนโลยีของจีนต่างมีประสบการณ์จากผู้ใช้งานที่มีมากถึงพันล้านราย มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว มีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ ทำให้บริษัทเทคโนโลยีของจีนสามารถขึ้นสู่ Top Ten ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Alibaba ,Tencent

นอกจากนี้การที่รัฐบาลจีนไม่เปิดให้ต่างประเทศ ไม่ให้เทคโนโลยี แอพพลิเคชั่นดังจากสหรัฐฯ เข้าถึงผู้ใช้งานในจีน ทำให้การเติบโตในตลาดจีนเป็นของบริษัทเทคโนโลยีจีน ขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้ก็ขยายตลาดออกไปนอกประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งศักยภาพของบริษัทเทคโนโลยีของจีนสามารถแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ได้ และสร้างแบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วโลก

“คนไทยเองก็คุ้นเคยกันดีทั้ง Lazada, JD.com แพลทฟอร์ม E-Commerce ,เกม Rov ,JOOK แม้กระทั่งแอป Tiktok ชื่อดัง ล้วนแต่เป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีน ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างของจีนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ตัวเอง สามารถใช้ชื่ออื่นในการทำตลาด ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มักจะใช้ชื่อแบรนด์ตัวเองในการทำตลาดบางครั้งก็ยากในการแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศหรือโตได้ช้า”ดร.ธนาวุฒิ กล่าว

ส่วนอื่นๆ ที่บริษัทเทคโนโลยีจีนมีแต่สหรัฐฯ ไม่มี คือ โมเดลธุรกิจของบริษัทในจีน ซึ่งมีทั้ง Offline และ Online ครบวงจรสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวใน 10 ปีข้างหน้าคือ AI จะทำงานได้ดีที่สุดถ้ามีข้อมูลเยอะบิ๊กดาต้าที่มากหาช่องทางขายได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทจีนจึงโดดเด่น

“ตลาดเทคโนโลยีจีนเป็นของผู้ประกอบการจีน ขณะที่ตลาดนอกประเทศ จีนก็แข่งขันได้ จึงมองศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีจีนใน 5 ปีข้างหน้าน่าสนใจและตลาดจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงมอง 5-10 ปีหุ้นเทคฯ จีนเป็นเมกะเทรนด์ที่ควรมีติดพอร์ต”ดร.ธนาวุฒิ กล่าว

จากมุมมองดังกล่าว BCAP จึงเปิดตัว “กองทุนเปิดบีแคป ไชน่า เทคโนโลยี (BCAP-CTECH)” ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอขายครั้งแรก 25 พ.ย.-1 ธ.ค.2563 และแน่นอนว่า BCAP ในฐานะผู้นำตลาดกองทุน ETF ซึ่งจุดเด่นของกองทุนจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำเมื่อเทียบกองทุนรวม รูปแบบของกองทุนที่จะลงทุนจึงผ่านกองทุน ETF 2 กองทุน ได้แก่ Invesco China Technology ETF (CQQQ) และ KraneShares CSI China Internet ETF (KWEB) สัดส่วน 50% เท่ากัน

จุดเด่นของกองทุน คือ 1.ครอบคลุมการลงทุนในทุกเซกเมนต์ของธุรกิจเทคโนโลยี นอกเหนือจาก IT แล้ว ยังลงทุนกลุ่มกลุ่ม E-Commerce การอุปโภคบริโภค เช่น Alibaba, JD.com แพลตฟอร์ม ขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง กลุ่ม Social media, Chat application ที่อยู่ในกลุ่มการสื่อสาร เช่น Baidu และ Tencent เจ้าของแอปพลิเคชันด้านการสื่อสาร Top 5 ของโลก QQ, Wechat หรือ Baidu Search engine อันดับ 1 ในจีน อีกทั้งใส้ในกองทุนอีทีเอฟกำหนดการลงทุนหุ้นแต่ละตัวไม่เกิน 10% ของพอร์ต เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง

2.ครอบคลุมการลงทุนในหุ้นชั้นนำทั้งหมดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน โดยรวมบริษัทชั้นนำของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้, ฮ่องกงและนิวยอร์ค ไว้ในกองเดียว

3.ค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนต่ำกว่ากองทุนอื่นๆ จากการเลือกลงทุนในกองทุน ETF ถือเป็นจุดเด่นแตกต่างจากกองทุนอื่นๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ต่ำถือเป็นการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีและส่งผลดีต่อผลดำเนินงานโดยรวมของกองทุน

ดร.ธนาวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนหุ้นจีนในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะอิงการเติบโตของเศรษฐกิจเก่า ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหม่และเติบโตได้จากต่างประเทศ ในตลาดกองทุนที่เน้นหุ้นเทคโนโลยีหลักๆ มีเพียง 2 กองทุน ซึ่ง BCAP-CTECH จึงออกมาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนจากจุดเด่นที่แตกต่าง

ด้านผลดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีจีนเมื่อเทียบสหรัฐฯ พบว่าบริษัทจีนมีกำไรเติบโตเฉลี่ยที่สูงกว่าสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นช่วง 5 ปีหรือ 1 ปีย้อนหลัง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีในพอร์ต 5 อันดับแรกที่กองทุนจะเข้าลงทุนนั้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีกำไรเฉลี่ย 30% ต่อปีซึ่งสูงกว่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จึงคาดการณ์อีก 3 ปีข้างหน้าหุ้นเทคโนโลยีจีนจะเติบโตอย่างมากจากการขยายตลาดออกไปแข่งขันทั่วโลก อีกทั้งการที่โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ทำให้นโยบายการค้ามีความชัดเจนและยืดหยุ่นมากขึ้น น่าจะส่งผลดีต่อหุ้นจีนกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ และประเทศอื่น

“ส่วนประเด็นเรื่องราคาหุ้นที่นักลงทุนกังวลว่าแพง สำหรับหุ้นเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นเติบโตนั้นมองว่าตราบใดที่กำไรยังโต ราคาหุ้นก็จะไปได้เรื่อยๆ หากนักลงทุนกังวลเรื่องราคา ก็แนะนำทยอยลงทุน ส่วนประเด็นเรื่องกฎเกณฑ์ของทางการจีนที่ป้องกันการผูดขาด เรากลับมองว่าเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมมากกว่า”ดร.ธนาวุฒิ กล่าว

สำหรับนักลงทุนที่้มองหาโอกาสลงทุน “หุ้นเทคโนโลยี” ไว้ติดในพอร์ต นอกเหนือจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกแล้ว หุ้นเทคโนโลยีจีนถือว่าน่าสนใจ กองทุน BCAP-CTECH จึงเป็นอีกทางเลือกในการลงทุน BCAP แนะนำลงทุนประมาณ 10-15% ของพอร์ตรวม เพื่อไม่พลาดโอกาสในการเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีของจีน ซึ่งมีศักยภาพและมีโอกาสล้มแชมป์อย่างสหรัฐฯ ได้ในอนาคต

อ่านข่าว

บลจ.บีแคปเปิดตัว BCAP-CTECH ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีน เปิดขาย 25 พ.ย.นี้