โดย… สุนันท์ ศรีจันทรา
**ก่อนเปิดการซื้อขายหุ้นวันพุธที่ 10 กรกฎาคม2561 บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาขน) หรือ MK ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้รับทราบข่าวว่า บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัดหรือ SPM จะจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยสมัครใจ ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท
**การจัดทำคำเสนอซื้อครั้งนี้ ขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า หากมีผู้เสนอขายหุ้นน้อยกว่า25%ของหุ้นทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้ว SPM จะยกเลิกคำเสนอซื้อ
**การประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น เพื่อครอบงำกิจการหรือเทกโอเวอร์ MK ครั้งนี้ ไม่มีข่าวระแคะระคายออกมาก่อน ไม่มีสัญญาณอินไซด์ล่วงหน้า เพราะราคาหุ้นที่ซื้อขายหลายวันก่อนหน้า ถือว่าค่อนข้างปกติ แม้ราคาหุนจะขยับขึ้น แต่ขึ้นในกรอบแคบ มูลค่าการซื้อขายไม่หวือหวามากนัก
**แต่หลังจากประกาศข่าวการรับซื้อหุนจากนักลงทุนทั่วไปทั้งหมด ราคาหุ้น MK จึงพุ่งทะยานตอบรับ โดยเปิดการซื้อขายเข้าวันที่10 กรกฎาคม มีแรงซื้อเข้ามาทันที ทำให้ราคาพุ่งทะยาน และปิดที่ 4.08บาท เพิ่มขึ้น 78 สตางค์หรือเพิ่มขึ้น 23.64%
** MK เป็นหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตัวเล็ก ราคาเคลื่อนไหวอย่างราบเรียบ ปัจจัยพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ดี ค่าพี/อี เรโชประมาณ 13 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 6% มา 3 ปีแล้ว แต่ผลกำไรชะลอตัวมา 3 ปีแล้วเหมือนกัน
**ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ MK มีจำนวนทั้งสิ้น 4,572 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน64.83%ของทุนจดทะเบียน ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง คือ นายประทีป ตั้งมติธรรม ถือหุ้นในสัดส่วน 11.29% ของทุนจดทะเบียน และยังถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI สัดส่วน21.80%ของทุนจดทะเบียน
** MK เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่มาก ก่อตั้งมากว่าครึ่งศตวรรรต โดยนายชวน ตั้งมติธรรม พี่ชายนายประทีป แม้จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นบาง มีกลุ่มนายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ อดีตผู้บริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ศรีมิตร จำกัด และกลุ่มฟินันซ่าเข้ามาซื้อหุ้นจากนายชวนจำนวนกว่า20% แต่การดำเนินธุรกิจก็ยังมีรูปแบบของการอนุรักษ์อยู่
**ส่วน SPM ซึ่งประกาศตัวรับซื้อหุ้นMKจากผู้ถือหุ้นทั่วไปทั้งหมด เป็นบริษัทลูกของ SPALI ซึ่งหากสำเร็จ MK และ SPALI จะเป็นหุ้นในเครือข่ายเดียวกันเต็มตัว โดยมีนายประทีปนั่งบัญชาการเป็นหัวเรือใหญ่
**จุดเด่นที่ทำให้MKน่าสนใจ จนนายประทีปอดใจไม่ไหว ต้องส่งบริษัทลูกของ SPALI มากวาดซื้อหุ้นทั้งหมด เพราะมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 6.66 บาทต่อหุ้น
**ถ้าเทียบกับราคาหุ้นที่ซื้อขายบนกระดานก่อนหน้าในระดับ 3 บาทต้นๆ การประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หรือจัดทำคำเสนอซื้อในราคา 4.10 บาท ถือว่ากำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อนักลงทุนที่ถือหุ้นไว้ เพราะทุกคนกำไรโดยถ้วนหน้า ถูกหวยไปตามๆ กัน
**แต่ถ้าพิจารณาจากมูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ 6.66 บาทต่อหุ้น ราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นละ 4.10 บาท ถือว่าต่ำไป และไม่น่าจะเป็นธรรมต่อนักลงทุนเท่าใดนัก
**หุ้น MK มีจำนวนทั้งสิ้น 992.01 ล้านหุ้น ถ้าซื้อได้ทั้งหมดในราคาหุ้นละ 4.10 บาท จะใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 4,067 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเทกโอเวอร์บริษัทจดทะเบียนที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก มีกำไรสะสมค้างอยู่จำนวน4,127.77 ล้านบาท และยังมีผลประกอบการที่ดี
**ผู้ถือหุ้น MK คงต้องคิดหนัก จะขายหุ้นให้ SPM ดีหรือไม่ จะถือต่อไปดีไหม เพราะผลตอบแทนจากเงินปันผลยังคุ้มกับการลงทุนอยู่
**ถ้าปรับการบริหารงานของ MK ให้ดูกระฉับกระเฉง ขยับแผนการดำเนินงานในเชิงรุกสักหน่อย จะทำให้หุ้นตัวนี้มีสีสันโดยไม่ยาก เพราะมีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
**และมีแนวโน้มจะเป็นหุ้นยอดนิยม มาสภาพคล่องในการซื้อขาย การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในราคา 4.10 บาท ไม่น่าจะมีผู้ถือหุ้นรายใดหรือกลุ่มใดขาย
**แผนเทกโอเวอร์ MK คงต้องล้มพับไปโดยปริยาย