บลจ.กสิกรไทย มองสถานการณ์ตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีน ไม่น่าบานปลายเป็นสงครามการค้า ชี้จงหวะหุ้นจีนปรับตัวลง เป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาว
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากสถานการณ์การลงทุนในจีน ภายหลังที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีศุลกากร (Tariffs) จากจีนมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเหตุผลด้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และข้อกำหนดการถ่ายโอนเทคโนโลยีของสหรัฐไปยังบริษัทจีนไม่เหมาะสม โดยข้อมูลรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีจะมีการเปิดเผยภายใน 15 วัน และจะมีช่วงเวลา 30 วัน ในการรับฟังความเห็นจากประชาชน โดยเบื้องต้นสินค้าที่ตกเป็นเป้าหมายเป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี มีจำนวน 1,300 รายการ มูลค่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่จีนเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อชดเชยกับเม็ดเงินที่สูญเสียไปจากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเช่นกัน โดยเตรียมเรียกเก็บภาษีมูลค่ารวม 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม 128 รายการ พร้อมทั้งแถลงจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ปรับลงประมาณ 2-3% ตลาดหุ้นเอเชีย (23 มี.ค. 18) ปรับตัวลงตาม นำโดยญี่ปุ่น (Nikkei) 4.5% จีน (SHCOMP) 3.3% ฮ่องกง 2.9% อินเดีย (Sensex) 1.1% ขณะที่ไทยปรับลงเพียง 0.6% ซึ่งน้อยกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากต่างชาติถือหุ้นไทยน้อย และมีแรงขายออกไปแล้วในช่วงก่อนหน้า (ข้อมูล Bloomberg 12.45 น.)
สำหรับมุมมองและคำแนะนำ นายนาวิน กล่าวว่า แม้สถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความกังวลต่อนักลงทุน แต่บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงหรือบานปลายถึงขั้นเป็นสงครามการค้า แต่อาจส่งผลต่อความผันผวนระยะสั้นได้บ้าง อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนควรต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอย่าเพิ่งวิตก แต่รอประเมินสถานการณ์และดูความชัดเจนมากกว่านี้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะมีการเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน หรือแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรต่อไป
บลจ.กสิกรไทย มองว่าตลาดหุ้นจีนยังสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้ เพราะสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยที่สร้างความผันผวนระยะสั้นให้กับตลาดเท่านั้น แต่โดยภาพรวมของเศรษฐกิจจีนนับว่ามีศักยภาพ ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นจากอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวที่ชัดเจนที่สำคัญระดับราคาหุ้นซื้อขาย อยู่ในระดับที่ถูกกว่าประเทศอื่นในเอเชีย และภูมิภาคอื่น ดังนั้นผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความผันผวนได้ในระยะสั้น อาจใช้จังหวะที่ตลาดปรับตัวลงเข้าสะสมเพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ในขณะที่ผู้ลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงในระยะสั้นช่วง 3 -6 เดือนได้ อาจชะลอการเข้าลงทุนเพิ่มเติม เพื่อดูความชัดเจนของสถานการณ์ว่าจะมีทางออกอย่างไรระหว่างสหรัฐฯ -จีน
อย่างไรก็คามผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุน K-CHINA ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500 บาท