บลจ.วรรณเสิร์ฟกองใหม่ ‘ลงทุนซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิต’ ในสหรัฐกองแรกในไทย

HoonSmart.com>> บลจ.วรรณ เปิดตัวกองทุน “Life Settlement” ลงทุนซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐฯ กองแรกในไทย เสิร์ฟลูกค้ารายใหญ่ ลดความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนผันผวน หลังนำร่องขายลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลตอบรับแน่น ด้านผลงานบริษัทปี 63 ดีเกินคาด หลังปรับกลยุทธ์แนะนำลงทุนเชิงรุกให้ลูกค้ากระจายลงทุนนอกผ่าน 4 กองทุนหลัก ปลื้มผลงานติดอันดับหนึ่ง “ONE-DISCOVERY” ผลตอบแทนปีนี้ 72% ONE-UGG อยู่ที่ 63% เดินหน้าเปิดบริษัทใหม่เสริมทัพครึ่งปี 64 ขยายช่องทางขายผลิตภัณฑ์การลงทุน

พจน์ หะริณสุต

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 30 ต.ค.–20 พ.ย.2563 เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งเป็นกองทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น แต่จะเน้นการลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา (Life Settlement) ที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านกองทุนหลัก Blackoak Investors Limited Partnership-Unit Class I ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบันตลาดซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาด 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิต (Life Settlement) เป็นสินทรัพย์ทางการเงินประเภทหนึ่งเพิ่มทางเลือกให้ผู้ซื้อกรมธรรม์ที่ไม่สามารถชำระค่าเบี้ยกรมธรรม์ได้อีกหรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถขายกรมธรรม์ของตนเองให้แก่ตัวกลางทางการเงิน

กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนโดยซื้อกรมธรรม์ในตลาดเสรีและการเข้าถือเอาสิทธิเบี้ยประกันที่จะได้รับในอนาคต เพื่อแลกกับผลประโยชน์จากประกันชีวิตเมื่อผู้เอาประกันชีวิตเสียชีวิต โดยผู้ขายจะได้รับราคาตามที่ตกลงกันในการขายกรมธรรม์ให้กับกองทุน ผลตอบแทนตั้งแต่เดือนก.พ.2557-ก.ย.2563 อยู่ที่ 160% หรือเฉลี่ย 16% ต่อปี ขณะที่กองทุน ONE-LS-UI คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 5-10% ภายใต้สภาวะตลาดปัจจุบันถือเป็นอีกทางเลือกในการกระจายการลงทุน เนื่องจากกองทุนมีอายุโครงการ 3 ปี 1 เดือน

“ปีที่ผ่านมาบริษัทได้นำร่องขายกองทุนรูปแบบดังกล่าวผ่านกองทุนส่วนบุคคล Life Settlement Fund เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนที่ไม่อิงต่อระบบเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดทุนถือเป็นกองทุนแรกของไทย ซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีมาก โดยมีขนาดกองทุนราว 2 พันล้านบาท และสร้างรายได้ประมาณ 20% ของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ของบริษัท”นายพจน์ กล่าว

สำหรับภาพรวมปีนี้บริษัทไม่เน้นการเปิดขายกองทุนใหม่ เนื่องจากมีกองทุนครอบคลุมกับความต้องการลูกค้าพอสมควร บริษัทจึงเน้นการให้คำปรึกษาลักษณะการจัดพอร์ตการลงทุนในเชิงรุกมากขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทเน้นลูกค้ากระจายลงทุนต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนกองทุน ONE-UGG ONE-DISCOVERY ซึ่งเป็นบลจ.รายแรกๆ ที่แนะนำปรับพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงธุรกิจเมกะเทรนด์ก่อนเกิด Covid-19

นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน (ONE-ALLCHINA) ซึ่งสามารถลงทุนหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมองเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนจะมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น รวมถึงกองทุนหุ้นธุรกิจออนไลน์ (ONE-GECOM) ซึ่งปัจจุบันผลตอบแทนของกองทุนที่แนะนำทั้งหมดติดอันดับหนึ่งของประเทศไทยในแทบทุกช่วงเวลา ทั้งตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (9 เดือน) ,3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และ 3 ปี

“เปิดบริษัทใหม่ครึ่งปีแรกปี 64 ขยายช่องทางขายทุกผลิตภัณฑ์”

นายพจน์ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทถัดจากนี้จะยังคงเน้นการเพิ่มช่องทางการขายให้เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการให้คำแนะนำการลงทุนเชิงรุก เพื่อให้ทันต่อภาวะตลาดมากที่สุด โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวบริษัทในเครือใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจประมาณ 10 แห่ง และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีแรกของปี 2564

“บริษัทในเครือใหม่ที่กำลังจะเปิดดำเนินการบลจ.วรรณ ถือหุ้น 100% และเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบลจ.วรรณ ซึ่งผมมองว่า บลจ.วรรณ ไม่ได้เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีแม่เป็นธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เราจะต้องพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และเพิ่มช่องทางการขายของผลิตภัณฑ์บลจ.วรรณ อีกทั้งจะต้องมีการปรับตัวใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยผมเชื่อมั่นว่า ธุรกิจใหม่ของบลจ.วรรณจะมีกลยุทธ์และการบริการที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม ณ ปัจจุบันนี้ ” นายพจน์กล่าว

สำหรับธุรกิจกองทุน อสังหาริมทรัพย์และทรัสต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแปลงสภาพของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) ในบางกองทุน เพื่อเป็นกองรีท (REIT) ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม และทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจาเพิ่มเติมกับสปอนเซอร์อีก 1-2 แห่งเพื่อหาโอกาสเปิดกองทุนใหม่ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะดูแลทั้งสินทรัพย์ต่อไปในบทบาทของ Trustee หรือ REIT Manager รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้ง Private Equity Trust จำนวน 2-3 กองในฐานะ Trustee ให้แก่นักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ เพื่อลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีผลตอบแทนที่ดี

นายพจน์ กล่าวว่า ด้านการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.41 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 36% กองทุนส่วนบุคคล 27% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 37% และคาดว่าสิ้นปีนี้ AUM จะไม่ต่ำกว่า 1.45 แสนล้านบาท

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 50% ต่อปี โดยปีนี้เรายังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดติด 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรม โดยลูกค้าหลักยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของประเทศ ที่ยังให้ความไว้วางใจในตัวบริษัทและผู้จัดการกองทุนที่สร้างผลตอบแทนให้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเรามีความพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาร่วมพัฒนา เช่น การรายงานผลการดำเนินงานผ่าน ONEAM Mobile Application ทั้งลูกค้าในส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล ทั้งนี้ หากลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลเป็นลูกค้ากองทุนรวมด้วย ลูกค้าสามารถเปิดตรวจสอบได้ด้วยเช่นกัน สำหรับปัจจุบันกองทุนส่วนบุคคลเรามีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 7 โดยแบ่งเป็นลูกค้าสถาบัน 44 กองทุน และเป็นลูกค้าบุคคลจำนวน 463 กองทุน ซึ่งถือเป็นบลจ.ที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลมากเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม ” นายพจน์ กล่าว

อ่านข่าว

บลจ.วรรณคาดสถาบันรอเก็บหุ้น 1,180 จุด หวังวัคซีนหนุนปีหน้า 1,440 จุด