SCBAM : IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ขึ้น

๐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ค่อนข้างผันผวน จากความผิดหวังหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมากล่าวว่า ความหวังที่มาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจรอบใหม่จะสามารถบรรลุข้อตกลงออกมาได้ก่อนการเลือกตั้งปธน.วันที่ 3 พ.ย. ยังคงเป็นเรื่องยาก ประกอบกับการระงับการทดลองของการกระบวนการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson และ EliLilly & Co ในสหรัฐฯ หลังจากมีผู้เข้าทดสอบป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นปัจจัยที่เข้ามาสร้างความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของวัคซีนที่อาจจะทำให้ออกมาใช่ได้ล่าช้ากว่าคาดและอาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต่อไปถึงปีหน้า ประกอบกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกที่สองที่มีความรุนแรงขึ้นในยุโรป

๐ ตัวเลขการส่งออกของจีนเดือน ก.ย. ขยายตัวดีขึ้น โดยตัวเลขการส่งออกฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากที่ระดับ 9.5% ในเดือนก่อนเป็นระดับ 9.9% YoY เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และ ASEAN ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 20.5% และ 14.4% YoY ตามลำดับ โดยสินค้าทีส่งออกได้มาก คือสินค้าพวกพลาสติกและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับแรงหนุนหลักจากสินค้าเกี่ยวเนื่องกับการระบาดของ COVID-19

๐ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ขึ้น เนื่องจากแรงหนุนจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลกประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีน ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นได้เร็วกว่าที่ประเมิน รวมถึงความหวังในด้านวัคซีนที่คาดว่าจะเริ่มนามาใช้ได้ในช่วงต้นปี 2021 อย่างไรก็ตามกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงคาดเศรษฐกิจโลกปีนี้ยังคงจะหดตัวที่ระดับ -4.4% กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำ บาตรอิหร่าน ในวันที่ 8 ต.ค. 2020

๐ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีจุดประสงค์ที่จะตัดเส้นทางการเงินของอิหร่าน โดยมีคาสั่งในการห้ามเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน ห้ามผู้มีมีสัญชาติอเมริกันทำธุรกิจด้วย และประกาศคว่าบาตรกับธุรกิจ บุคคลหรือหน่วยงานที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ

๐ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ต.ค. ยอดผู้ว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.3 หมื่นล้าน เป็นที่ระดับ 8.98 แสนราย ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่อง ซึ่งลดลงจาก 1.17 ล้านราย เป็น 10.0 ล้านราย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ต.ค.

๐ จับตาการประชุม JTC และ JMMC meeting ของกลุ่ม OPEC ในวันที่ 19 ต.ค. คาดว่าจะไม่ลดปริมาณการผลิตเพิ่มเติม แต่จะเน้นไปที่การติดตามพัฒนาการของประเทศสมาชิกในการปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลักของกลุ่ม OPEC ในขณะนี้