HoonSmart.com>>W ตามรอย “โดมิโน่ส์ พิซซ่า” Penny Stock ของจริง ผู้ถือหุ้นเฮ !!! เพิ่มทุนสำเร็จ รายย่อยแห่เก็งกำไร หุ้นวิ่ง 2 ซิลลิ่ง
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้เต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งจากปัจจัยต่างประเทศ และในประเทศ จากผลกระทบสงครามการค้าจีน-สหรัฐ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กดดันเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างรุนแรง ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ทุกสายตาโฟกัสไปที่ปัญหาการเมือง การออกมาชุมนุมประท้วงของนักศึกษาที่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 19 ก.ย. จะมีพัฒนาการอย่างไร…
ยังไม่นับรวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ในปีนี้ แน่นอนว่า ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักงัน ทั่วโลกประกาศล็อกดาวน์ การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศถูกปิดตาย
สะท้อนมาที่การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จากข้อมูลวันที่ 18 ก.ย.63 ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,288.39 จุด ปรับตัวลดลง 18.45% เมื่อเทียบกับต้นปี
สัปดาห์นี้ชวนมาเกาะติดหุ้นที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี “โดดเด่น” สวนภาะตลาด 10 อันดับแรก โดยให้ผลตอบแทนมากกว่า 100-400% (ราคาปิด ณ วันที่ 18 ก.ย.63)
หุ้นที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ร้อนแรงที่สุด! คงหนีไม่พ้น บริษัท วาว แฟคเตอร์ (W) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 446.45% แรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น พร้อมวอลุ่มซัพพอร์ตในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จ
เพราะการเพิ่มทุนในรอบนี้ของ W จะช่วยปลดล็อกเครื่องหมาย C และช่วยเติมทุนในการขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมเข้าสู่ธุรกิจอาหาร จากเดิม W หรือ EIC เดิมธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิคส์
W เพิ่มทุน คาดว่าจะได้เงินราว 338 ล้านบาท นำไปซื้อสิทธิกิจการ “DOMINO’S PIZZA” ในประเทศไทย มูลค่าลงทุนราว 400 ล้านบาท ซึ่งบางส่วน W ได้วางมัดจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเพิ่มทุน สิ้นสุด 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารแล้วว่า เพิ่มทุนครบ 338 ล้านบาท จบที่ โดมิโน พิซซ่า ชำระเงินที่เหลือและโอนทรัพย์สิน ลิขสิทธิ์ ต้นเดือนต.ค.นี้ เข้าบริหารงานเต็มตัว เมื่อเงินพร้อม ขยายกิจการและสาขา ก็พร้อม เมื่อเพิ่มทุนสำเร็จเสร็จสิ้น ผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ราคาหุ้นท้ายสัปดาห์ วิ่ง 2 ซิลลิ่ง หรือ 30 % มาปิดล่าสุด 0.23 บาท
เมื่อได้ “DOMINO’S PIZZA” มาแล้ว จะเป็นธุรกิจ “เรือธง” ที่ทำให้ W กลับมา “เทิร์นอะราวด์” ในปี 2564 โดยคาดว่ากลุ่มธุรกิจอาหารของ W จะมีรายได้ราว 300-400 ล้านบาท ในปี 2564 ซึ่งกว่า 50% มาจากยอดขายของ “DOMINO’S PIZZA ก่อนขยับเป็น 600-800 ล้านบาท ในปี 2565
หลายธุรกิจอาจประสบปัญหาหลังการเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ W กลับกลายเป็นโอกาสในการลดต้นทุน และเพิ่มยอดขาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะ DOMINO’S PIZZA” ที่ยอดขายโตแรง ยังไม่นับรวมธุรกิจขนม ร้านชาบู ร้านสเต็ก ภายใต้ร่มเงาของ W ที่ยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งไม่แพ้กัน
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ย้ายร้านขนมของบริษัทฯ และลดขนาดร้าน เพื่อให้ได้คำเช่าที่ถูกลง และได้วางขายสินค้าหลายแบรนด์ในร้านเดียวกัน ทั้งนี้ แนวทางของบริษัทฯ ในอนาคต คือ การดำเนินธุรกิจผ่านหน้าร้านเหล่านี้ ซึ่งไม่ต้องเสียค่าเช่าแพง และไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหาร (Fine dining) ช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา Le Boeuf ได้ทำยอดขายสูงสุดตั้งแต่มีการเปิดร้านมา บริษัทฯ เรียกการทำร้านอาหารแบบ Le Boeuf ตอบโจทย์กับยุคสมัย Modern fine dining คือ การทำให้อาหาร Fine dining สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วไป
โดยบริษัทฯ มีแผนในการเปิดสาขาเพิ่มเติม และพิจารณาการทำ Sub-franchise ทั้งของ Le Boeuf และ Crepes & Co. โดยบริษัทฯ เล็งเห็นว่า ถ้าบริษัทฯ ทำสำเร็จ จะสามารถสร้างแบรนด์ในระดับสากลได้
นอกจากนี้ ร้าน Kagonoya ก็ยังทำยอดขายได้สูงสุดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เช่นกัน เนื่องจากบริษัทฯ ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แบรนด์ Kagonoya มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาที่ตั้งนอกเมือง
W ในเวลานี้…กำลังจะเกิดตามรอย “โดมิโน่ส์ พิซซ่า” หุ้น Penny Stock ที่นักลงทุนหลายคนค้นหา จากราคาหุ้นแค่ 3 ดอลลาร์ ในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มายืนแตะที่ระดับ 397.59 ดอลลาร์ (18 ก.ย.63) ให้ผลตอบแทนกว่า 13,133% ภายในระยะเพียง 10 ปีเศษ