ดาวโจนส์ปิดบวก 2 จุด จับตาเฟดประชุม

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 2 จุด จับตาเฟดประชุม ตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง ขานรับเศรษฐกิจจีนสดใส ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 15 กันยายน 2563 ที่ 27,995.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.27 จุด หรือ 0.01% อ่อนตัวลงจากที่ปรับตัวขึ้นไปกว่า 200 จุด ในช่วงแรกจากความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนและเยอรมนีที่ออกมาในทางบวก แต่การปรับขึ้นของตลาดถูกจำกัดจากการลดลงของแอปเปิลหลังจากจัดงานแอปเปิลอีเวนต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Apple Watch และ iPad รุ่นใหม่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,401.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.66 จุด, +0.52%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,190.32 จุด เพิ่มขึ้น 133.67 จุด, +1.21%

นักลงทุนคาดหวังว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้จะยังคงนโยบายสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้สำนักงานสถติจีนเผยยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.5% จากระยะเดียว เป็นบวกครั้งแรกของปี โดยยอดขายอุปกรณ์สื่อสารเพิ่มขึ้น 25.1% ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 11.8% แต่ยอดค้าปลีกรอบ 8 เดือนลดลง 8.6% ส่นการว่างงานลดลงมาที่ 5.6% จาก 5.7% เดือนกรกฎาคม กิจกรรมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 5.6% จากระยะเดียวกัน เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 5

ทางด้านเยอรมนีสำนักงานสถิติปรับประมาณการเศรษฐกิจดีขึ้นจาก-10.1% เป็น -9.7% หลังการหดตัวของเศรษฐกิจไตรมาสสองดีกว่าที่ประเมินในครั้งแรก และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี

ในสหรัฐฯเฟดสาขานิวยอร์กเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.4% จากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ รายงานดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์ก(Empire State manufacturing index) เดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็น 17 ฟื้นตัวจาก 3.7% ในเดือนก่อน และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อใหม่และการส่งสินค้า

กระทรวงแรงงานเผยดัชนีราคานำเข้าเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลว่า แม้การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะรู้ผลว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะความล่าช้าของกระบวนการคัดตัวผู้มาเป็นประธานาธิบดี

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินที่ลดลง นำโดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปที่ร่วงลง 6.92% จากรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลเตรียมฟ้องร้องซิตี้กรุ๊ป หลังจากธนาคารประสบความล้มเหลวในการปรับปรุงระบบบริหารจัดการความเสี่ยง หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 3.11% จากการปรับลดคาดการณ์รายได้จากอัตราดอกเบี้ยในปีงบการเงินนี้

หุ้นคราฟท์ไฮนซ์ เพิ่มขึ้น 16% หลังประกาศขายธุรกิจชีสออกไปส่วนหนึ่งให้กับ บริษัทย่อยในสหรัฐฯของ Lactalis จากฝรั่งเศสมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 2.37% นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารหลายประเทศทั้ง สหรัฐ อังกฤษและ ญี่ปุ่น แม้คาดว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย

นอกจากนี้ยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีน รวมทั้งความเชื่อมั่นในเยอรมนีทีดีขึ้นมากกว่าคาดแม้มีความท้าทายจาก Brexit รออยู่ข้างหน้าและยังมีการระบาดของไวรัส

สถาบันวิจัยเผยความเชื่อมั่นเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมาที่ 77.4 จาก 71.5 จุด ในเดือนก่อน

ส่วนสถาบัน Ifo เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นธุรกิจเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 92.6 จาก 90.4 ในเดือนก่อน

สำนักงานสถิติเยอรมนีปรับประมาณการเศรษฐกิจดีขึ้นจาก-10.1 เป็น -9.7 หลังการหดตัวของเศรษฐกิจไตรมาสสองดีกว่าที่ประเมินในครั้งแรก ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสสามและครึ่งหลังของปีจะกลับมาเติบโต

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 370.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.45 จุด, +0.66%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,105.54 จุด เพิ่มขึ้น 79.29 จุด หรือ +1.32%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,067.93 จุด เพิ่มขึ้น 16.05 จุด หรือ +0.32%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,217.67 จุด เพิ่มขึ้น 24.01 จุด, +0.18%

หุ้น BioNTech เพิ่มขึ้น 2% หลังได้รับเงินสนัสนุนโครงการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสจากรัฐบาลเยอรมนี 446 ล้านดอลลาร์เพราะมีความคืบหน้า 5 ด้านจาก 8 ด้านที่กำหนด

หุ้น H&M เพิ่มขึ้นกว่า 10.79% หลังกำไรไตรมาสสามดีกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมต.ค. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 38.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 40.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 2% โรงกลั่นหยุด-ลดผลิตพายุซัลลี่ถล่ม