HoonSmart.com>>บิวตี้ คอมมูนิตี้เปิดผลงาน 6 เดือนปีนี้ ขาดทุนกว่า 101 ล้านบาท รายได้-กำไรขั้นต้นหายไปเกิน 60%
บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2563 ขาดทุนสุทธิ 61 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวมครึ่งปีแรก ขาดทุน 101 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 116 ล้านบาทในปีก่อน
ในไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทมีรายได้รวม 128.93ล้านบาท ลดลง 75.75% กำไรขั้นต้นลดลง 79.45% เหลือ 65.30 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกมีรายได้รวม 399.25 ล้านบาท ลดลง 63.04% กำไรขั้นต้น 215.58 ล้านบาท ลดลง 66.74%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังสถานการณ์คลายล็อคดาวน์ บริษัทสามารถเปิดสาขาร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าได้ตามปกติ ประกอบกับการปรับกลยุทธ์ Business Re-engineering ปรับแนวทางบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งระบบ ควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการบริหาร คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้นภายในปลายปีนี้
แผนปรับกลยุทธ์ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง อาทิ อีคอมเมิร์ซ ช่องทางสินค้าอุปโภค สินค้าประจำวัน (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG ) เจาะกลุ่มผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่( Local Distributor ) พร้อมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ที่หลากหลาย เพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้าควบคู่กัน โดยสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัท อีคอมเมิร์ซและระบบแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำต่างๆ
พัฒนาโมเดลการขายใหม่ อาทิ “บิวตี้ออนไลน์ช็อป” ลูกค้าที่เคยใช้บริการที่สาขาให้สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ทันที ทุกสาขาจะมีช่องทางการสั่งซื้อสินค้าทั้งหน้าร้านสาขา(Offline Store) และผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้ง 2 รูปแบบ รวมทั้งสร้างโมเดลธุรกิจที่หลากหลายร่วมกับพันธมิตรที่เป็นแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าช่องทางจำหน่ายออนไลน์จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 50% ในปีนี้
ช่องทางร้านค้าปลีก (Retails) บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และลดภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์เข้ามาทดแทน เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในวงกว้าง และไม่มีข้อจำกัด ซึ่งบริษัทเชื่อว่านโยบายดังกล่าว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
สำหรับธุรกิจภาคการส่งออก ประเทศจีนปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วหลังจากเปิดเมือง แต่อยู่ในระดับเพียง 50% ของยอดขายปกติ คาดว่าภายในไตรมาส 4/63 จะเริ่มเห็นยอดขายและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศจีนและประเทศในการปกครองเช่น ฮ่องกง อย่างไรก็ตามบริษัทมีการปรับแผนออกสินค้าใหม่ที่มีกำไรดีมาชดเชยยอดขายที่ลดลง และร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดในไตรมาส 3 เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังโฟกัสช่องทางจำหน่ายกลุ่มประเทศคลายล็อคดาวน์ กลุ่มประเทศในเขต (South East Asia) อาทิ กัมพูชา เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย แม้จะมีคำสั่งซื้อบ้างแต่ยังติดเรื่องระบบการขนส่ง การปิดด่านผ่านทาง คาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้น เพราะสินค้าไทยและสินค้า BEAUTY ยังคงมีความต้องการหลังสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งบริษัทมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่าย สนับสนุนด้านการตลาดและสินค้าเพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจตามสถานการณ์ที่ปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง
“ธุรกิจ BEAUTY ยังมีโอกาสในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว และการสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ การได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดี สินค้า BEAUTY ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 2-3 ต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายและกำลังซื้อจะฟื้นตัวในปลายไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยคาดการณ์รายได้ทั้งปีนี้จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นมากว่า 50 % ” นายแพทย์สุวิน กล่าว