HoonSmart.com>> ช. การช่างยันเป้ารายได้ปีนี้ 20,000 ล้านบาท บริษัทลูกดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ลุ้น Backlog ทะลุแสนล้านบาท หาก CKP ได้โรงไฟฟ้าใหม่ในลาว ลุยประมูลโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ทั้งใน-ต่างประเทศ
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเห็นการพลิกกลับมาเป็นบวก จากบริษัทลูก ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่แนวโน้มของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และผู้ใช้ทางด่วนเริ่มกลับมามากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลายลง ทำให้ผลประกอบการของ BEM กลับมาฟื้นตัวขึ้นมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ กลับมาฟื้นตัวเทียบกับในครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากคนส่วนใหญ่อยู่บ้านและปีนี้จะเป็นปีแรกที่โรงไฟฟ้าไซยะบุรี สปป.ลาว ที่ CKP เข้าไปลงทุนจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ทำให้ผลการดำเนินงาน CKP ในปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด และส่งผลบวกมายัง CK ด้วย
ส่วนบริษัททีทีดับบลิว (TTW) ความต้องการใช้น้ำกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งกลับมาเปิดการผลิต และในช่วงล็อกดาวน์ คนทำงานที่บ้านก็เป็นผลบวกต่อการใช้น้ำในกลุ่มครัวเรือน มองว่า TTW ยังมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก ช่วยหนุนภาพรวมของ CK ได้ต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจหลักของ CK คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพราะการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่บริษัททำอยู่ยังคงเป็นไปตามแผน ปัจจุบันบริษัทมีงานก่อสร้างในมือกว่า 30 โครงการ มูลค่างานในมือ (Backlog) รวม 3.85 หมื่นล้านบาท งานส่วนใหญ่รองรับการรับรู้รายได้ในช่วง 1 ปีครึ่ง-2 ปี แต่จะมีบางโครงการทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมผลงานของบริษัทจะพลิกเป็นบวก
“เรายังคงเร่งทำงานให้สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด พร้อมการบริหารความเสี่ยงไปควบคู่กัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบของงานก่อสร้าง บริษัทลูกส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ยกเว้น BEM ที่ดำเนินธุรกิจขนส่งมวลชนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา คนใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนน้อย เพราะทำงานอยู่บ้าน ส่งผลมาถึงส่วนแบ่งกำไรที่มาจาก BEM ลดลง ทำให้ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา CK ขาดทุน หลังจากเปิดล็อกดาวน์แล้ว ธุรกิจ BEM ก็ค่อยๆฟื้นกลับมาส่วน CKP และ TTW ก็ยังช่วยหนุนผลงานได้ โดยเฉพาะ CKP ที่ปีนี้จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเข้ามาเต็มปี”นางสาวสุภามาส กล่าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ เป็นหลัก ทำให้แผนการประมูลอาจจะล่าช้าไปบ้าง ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ในภาวะที่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก คือ ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาฟื้นตัว มองว่าภาครัฐจะเร่งผลักดันโครงการที่ภาครัฐลงทุนเอง และโครงการที่ให้เอกชนเป็นผู้ร่วมลงทุน (PPP) ออกมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องไปถึงปี 64 ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่เข้าร่วมประมูล โดยเฉพาะโครงการด้านคมนาคม หลังจากล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก คาดว่าในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้จะประกาศผลการประมูล และยังมีงานโครงการภาครัฐอี่นๆ ที่บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูล เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ โครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง โครงการมอเตอร์เวย์ และงานอุโมงค์ต่างๆ คาดว่าจะทยอยเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไปถึงปี 64 มูลค่างานรวมกว่า 2-3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอข้อสรุปของรัฐบาลลาวในการพัฒนาโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในลาว ภายใต้การดำเนินงานของ CKP คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาให้ CKP ดำเนินโครงการดังกล่าวในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่กำลังการผลิต 1,000-1,500 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าไซยะบุรี หรือกว่า 1 แสนล้านบาท และมูลค่างานก่อสร้างที่ CK จะได้รับมาก็มีมูลค่าใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าไซยะบุรี คือ 9.5 หมื่นล้านบาท หากมีความชัดเจนของโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในลาวออกมาในช่วงปลายปีนี้ จะส่งผลให้ Backlog ของ CK เพิ่มขึ้นไปแตะ 1 แสนล้านบาทในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน BEM มีโอกาสที่เข้าไปรับงานก่อสร้างทางด่วนในเมียนมา ทำให้บริษัทยังมีโอกาสที่จะขยายงานรับเหมาก่อสร้างได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้าง Backlog ให้กลับมาในระดับแสนล้านบาทเหมือนในอดีตได้ ทำให้สามารถคาดการณ์รายได้ที่จะเข้ามาในอนาคตได้และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
นางสาวสุภามาส กล่าวว่า Backlog ของบริษัทที่ลดลงมาต่อเนื่องในหลายปีติดต่อกัน เป็นไปตามโครงการที่ได้งานมาทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบ และไม่มีงานโครงการขนาดใหญ่ เหมือนในอดีต คือ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี เข้ามา ทำให้ Backlog ไม่ถึงแสนล้านมานาน ซึ่งก็เป็นวัฎจักรปกติของธุรกิจ ในปีนี้แนวโน้มงานจะออกมามากขึ้น บริษัทพร้อมเดินหน้าประมูลงาน เพื่อรักษาระดับ Backlog ให้กลับมาในระดับแสนล้านบาท มีรายได้รองรับเข้ามาในอนาคต