HoonSmart.com>>สายการบินนกแอร์ตามรอยบริษัทการบินไทย ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ปลดล็อกรายจ่ายก้อนโตเดือนละ 300 ล้านบาท เจรจาเจ้าหนี้กว่า 10 รายแก้สัญญาค่าเช่าเครื่องบิน มั่นใจแผนผ่านฉลุย ฟื้นฟูกิจการให้สำเร็จก่อนการระบาดโควิด-19 จะยุติลง หนุนธุรกิจโตยั่งยืน
บริษัทการบินไทย (THAI) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกิจการการบินพาณิชย์ของไทยแห่งแรกที่ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ไว้พิจารณาแล้ว ล่าสุดวันที่ 30 ก.ค.63 บริษัทสายการบินนกแอร์ (NOK) ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสายการบินนกแอร์ (NOK) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีการประชุมวาระพิเศษวันที่ 30 ก.ค.มีมติอนุมัติให้บริษัท ในฐานะลูกหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและให้เสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลละลายกลาง โดยยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในวันเดียวกัน
“บริษัทมีหนี้สิน 2.6 หมื่นล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท และประสบปัญหาขาดทุน ทำให้มีขาดทุนสะสมจำนวนมาก บริษัทเห็นว่าการฟื้นฟูกิจการนั้นเป็นแนวทางที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว ภายใต้การกำกับดูแลของศาล เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ หากปรับโครงสร้างภายใต้กระบวนการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม บริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน”
แนวทางเบื้องต้นของการฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ คือการปรับโครงสร้างหนี้และการบริหารจัดการกิจการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและสามารถชำระหนี้ได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ ได้ถือโอกาสแก้ไขปัญหาในช่วงที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังมีการเดินทางกันไม่มากนัก ทำให้สามารถฟื้นฟูกิจการได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วมากกว่าในภาวะปรกติ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องฟื้นฟูกิจการให้สำเร็จก่อนการระบาดโควิด-19 จะยุติลง
ในช่วงเกิดการแพร่ระบาด บริษัทสูญเสียกระแสเงินสด รายได้หายไปทันที หลังรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ หลายประเทศบินไม่ได้ แต่บริษัทมีค่าใช้จ่าย ในการบินจากสนามบินดอนเมือง เพื่อช่วยเหลือขนส่งบุคคลาการทางการแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ ขณะที่มีรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าเครื่องบิน ตกเดือนละ 300 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีก แต่ไม่ได้ปลดพนักงาน ทำให้กระทบกระแสเงินสด
บริษัทมีหนี้สินส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าเครื่องบิน ซึ่งมีเจ้าหนี้กว่า 10 ราย โดยมีสัญญาเช่านานสุด 7 ปี ส่วนหนี้สินสถาบันการเงินแทบไม่มี เพราะใช้เงินกู้จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 3,000 ล้านบาทและยังใช้จ่ายไม่หมด ซึ่งได้รับการขยายเวลากู้ออกไปอีก 1 ปี และได้เพิ่มทุนนำไปชำระหนี้ ลดภาระต้นทุนการเงิน ช่วยลดต้นทุนรวม 30% ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 4/62 ที่ผ่านมาดีขึ้น
“การยื่นเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจะช่วยปลดล็อกค่าเช่าเครื่องบิน และปลดล็อกสัญญาที่ทำไว้ก่อนที่จะเข้ามาถือหุ้นและบริหาร ซึ่งเป็นภาระสำคัญ และจะนำมาต่อรองกับเจ้าหนี้ด้วย คาดว่าไม่เกิน 3 เดือนจะยื่นแผนฟื้นฟูกิจการ พร้อมเสนอแต่งตั้งผู้บริหารแผนต่อศาลได้ จะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอให้เห็นชอบแผนฟื้นฟูด้วย ”
สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการ มีความเป็นไปได้สูง เพราะบินเต็มตลอด โดยมีเที่ยวบิน 604 เที่ยว/สัปดาห์ ครอบคลุม 23 จังหวัด ไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน แต่ในช่วงครึ่งปีแรก ประสบผลขาดทุนจากการที่ไม่มีคนเดินทาง ปัจจุบันธุรกิจเริ่มฟื้นตัว มาจากในประเทศ 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเห็นว่าผู้โดยสารมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน และหน่วยงานราชการกลับมาอุดหนุนมากขึ้น นอกจากนี้สายการบินคู่แข่งก็ลดจำนวนเครื่องบิน ลดความถี่การบิน ทำให้การแข่งขันลดลง
ปัจจุบันบริษัทมีเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ขนาด 189 ที่นั่ง จำนวน 14 ลำ และจะรับมอบอีก 2 ลำในเดือน พ.ย.-ธ.ค. ซึ่งเป็นไปตามสัญญาเดิม และเครื่องบินใบพัด Q400 จำนวน 8 ลำ
ส่วนการเลิกกิจการสายการบินนกสกู๊ตทั้งผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการ มองว่าจะเป็นการหยุดค่าใช้จ่ายได้ทันที โดย NOK รับพนักงานและผู้บริหาร เข้ามาทำงาน ส่วนการให้บริการเส้นทางต่างประเทศ บริษัทก็สามารถดำเนินการได้เองโดยไม่จำเป็นต้องแยกการบริหาร ในระยะยาจะขยายเส้นทางต่างประเทศจากปัจจุบันให้บริการไปอินเดีย จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
ปัจจุบันหุ้น NOK ถูกขึ้นเครื่องหมาย C จากการมีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50%ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินงวดไตรมาส 4/ 62
อ่านต่อ