โบรกฯฟันธง CPALL กำไร Q2 รอจังหวะซื้อ ฟื้นชัวร์

HoonSmart.com>> หุ้นซีพีพออลล์ลงต่อ เจอแรงกดดันจาก บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คาดไตรมาส2/63 ขาดทุน 81 ล้านบาท มองต่างนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เห็นกำไร บล.โนมูระฯ คาด 2.4 พันล้านบาท แนะซื้ออ่อนตัว ชี้เป้า 75 บาท บล.เมย์แบงก์ ฯ 1,154 ล้านบาท บล.เอเซียพลัสให้ราคาใหม่ 75 บาท ธุรกิจฟื้นตัวไตรมาส 3

ราคาหุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) ยังยืนไม่อยู่ วันที่ 21 ก.ค. ปรับตัวลง 0.25 บาทปิดที่ 65.75 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นโดยรวมเพิ่มขึ้น 1.38% หรือบวก 18.71 จุด ปิดที่ 1,377 จุด คาดว่า CPALL ได้รับผลกระทบจากบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คาดบริษัทจะขาดทุนในไตรมาส 2/63 ถึง 81 ล้านบาท นับเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น จากผลกระทบของการปิดเมือง ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 21% และคาดว่าจะกลับมามีกำไรในไตรมาส 3 จากการเริ่มฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จึงปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 79 บาท มองช่วงราคาหุ้นปรับลงเป็นโอกาสเข้าซื้อ

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน – กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่า   CPALL จะมีกำไรสุทธิเพียง 2,400 ล้านบาท ลดลง 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 57% จากไตรมาสก่อนหน้า ผลมาจากการการปิดเมือง ทำให้ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 18% ให้คำแนะนำซื้อเมื่อราคาลดลง ปรับราคาเหมาะสมที่ 75 บาท มองว่าการฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการท่องเที่ยวและการบริโภคยังไม่ฟื้นตัวดีมาก

“จากไตรมาส 2/63 ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในรอบ 6 ปี ทำให้เราปรับประมาณการกำไรในปีนี้ลดลง 20% รวมทั้งปี 63 ลดลง 25% และกำไรปี 64 ลง 8% อยู่ที่ 20,948 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กำไรยังเพิ่มขึ้น 24% เทียบกับฐานที่ต่ำของกำไรสุทธิปี 63” นายกรภัทร กล่าว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาด CPALL จะมีกำไร 1,154 ล้านบาท ลดลง 76% จากไตรมาส 2/62 และหดตัว 80% จากไตรมาสแรก จากยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลง 21%ปัจจัยการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิวทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ยกเลิกวันหยุดสงกรานต์ และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามมองว่าไตรมาส 3/63 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น การกลับมาทำงาน การเปิดเรียน และมาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนการลงทุนแนะนำซื้อ หลังการรายงานงบการเงินของไตรมาส 2/63 แล้วเสร็จ ให้ราคาเป้าหมายที่ 83 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี คาด CPALL มีกำไร 724 ล้านบาท ลดลง 84.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 87% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการลดลงของอัตรากำไร EBIT อยู่ที่ 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 5.2% และยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ที่ลดลง 18% จากการล็อกดาวน์ การห้ามขายแอลกอฮอล์ ซึ่งคิดเป็น 10% ของรายได้ขากธุรกิจ จากผลกระทบต่างๆมองว่าความเสี่ยงสะท้อนไปพอสมควร และจะเริ่มฟื้นตัวจากการกระตุ้นกิจการทางเศรษฐกิจ ทั้งการเปิดเรียนและการเริ่มทำงาน รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยว แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 80 บาท

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า CPALL ได้รับผลกระทบจากการปิดเมือง คาดกำไร  3,117 ล้านบาท ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลง 45% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ที่ลดลง 18% จากการท่องเที่ยวที่หดตัว โดยสาขาที่อยู่บริเวณแหล่งท่องเที่ยวคิดเป็น 10% จากสาขาทั้งหมด  ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แนะนำทยอยซื้อเข้าพอร์ต ราคาเป้าหมายที่ 83.20 บาท

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ประเมิน CPALL ไม่แย่ถึงขาดทุน แต่ลดลงถึง 86.2% จากปีก่อน อยู่ที่ 663 ล้านบาท หลักๆจากการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว กระทบสาขาในปั้ม ปตท. (15% สาขารวม) กดดัน SSSG ลดลง 20.1%  และอัตรากำไรสุทธิที่ลดลงเหลือ 0.5% จาก 3.3% ในไตรมาส 2/62  จากสัดส่วนยอดขาย MAKRO ที่มากกว่าไตรมาสปกติและคุมต้นทุนจำกัด

“คาดการณ์กำไรครึ่งปีแรกเพียง 30% ของประมาณการปี 63 จากผลกระทบ SSSG ร้านสะดวกซื้อ ที่ต่ำกว่าสมมติฐาน คือลดลง 12%  จึงมีแนวโน้มที่เราจะทบทวนปรับลดกำไรหลังงบฯไตรมาส 2 ส่งผลให้เบื้องต้นคาดกำไรปีนี้อาจลดลงจากเดิมราว 15 – 20% แต่ลดลงเล็กน้อยปีถัดๆไป   แต่มีผลกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมจำกัด ประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ไม่ต่ำกว่า 75 บาท ยังมี Upside ลงทุน แต่ความเสี่ยงที่หุ้นอาจตอบรับเชิงลบ ระยะสั้นแนะนำให้รอจังหวะเข้าลงทุนหลังประกาศงบ หรือเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว เพื่อรอรับการฟื้นตัวหลังจากนี้” บล.เอเซีย พลัส ระบุ

อ่านประกอบ

ทริสจัดเรทติ้งหุ้นกู้ CPALL วงเงิน 2.5 หมื่นลบ. ระดับ AA-