ธปท. เผยช่วยลูกหนี้ 11.5 ล้านบัญชี มูลหนี้กว่า 3.8 ล้านลบ.

HoonSmart.com>>ธปท. รายงานผลช่วยเหลือลูกหนี้เฟส 1  จากบัญชีสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด  35 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่เป็นบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เดินหน้าเฟส 2  ให้ประชาชนเลือกที่จะเข้าร่วม ผู้ประกอบการจัดให้เหมาะกับกระแสรายได้ที่เปลี่ยนไป 

รณดล นุ่มนนท์

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า   ธปท. ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ซึ่งมาตรการช่วยเหลือส่วนหนึ่งได้ครบกำหนดเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่า มีลูกหนี้รายย่อยได้รับความช่วยเหลือจำนวน 11.5 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลหนี้รวม 3.8 ล้านล้านบาท จากบัญชีสินเชื่อรายย่อยทั้งหมดประมาณ 35 ล้านบัญชี ส่วนใหญ่เป็นบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  ได้รับความช่วยเหลือในลักษณะจ่ายเงินค่างวดที่ลดลง และบางส่วนได้รับการเลื่อนการชำระหนี้ หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินจำนวนมากยังให้ความช่วยเหลือมากกว่ามาตรการขั้นต่ำที่ ธปท. กำหนด ตามกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ

ธปท.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือระยะที่ 2 ซึ่งเป็นมาตรการที่ให้ประชาชนเลือกที่จะเข้าร่วม (opt-in) โดยผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องจัดให้มีทางเลือกของความช่วยเหลือให้กับลูกหนี้แต่ละกลุ่มเพื่อสามารถเลือกให้เหมาะกับกระแสรายได้ที่เปลี่ยนไปมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้ต่อเดือนลดลง หรือหากเป็นการเลื่อนชำระหนี้ ก็จะมีการติดต่อลูกหนี้ในระหว่างที่เลื่อนชำระหนี้เพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถของลูกหนี้ต่อไป

นอกจากนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง ธปท. ยังได้ปรับลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิต จาก 18% เหลือ 16% สินเชื่อส่วนบุคคล จาก 28% เหลือ 25% และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ จาก 28% เหลือ 24% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป

ธปท. มีกลไกติดตามเพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินมีกระบวนการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เพื่อเสนอทางเลือกในการช่วยเหลือได้ตามความเหมาะสมกับลูกหนี้ และให้เกิดความมั่นใจว่าเมื่อสิ้นสุดมาตรการการให้ความช่วยเหลือแล้ว จะไม่ทำให้ภาระหนี้ของลูกหนี้เร่งขึ้นจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ และไม่ส่งผลให้หนี้เสียพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันระบบสถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็ง โดยมีระดับเงินกองทุนและสภาพคล่องสูง สามารถรองรับการช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะข้างหน้าได้ ธปท. และผู้ให้บริการทางการเงินยังคงทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้ก้าวข้ามผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้ไปได้