HoonSmart.com>>เมืองไทยประกันชวิต เปิดกลยุทธ์ New Normal Now “MTL” เดินสู่การเป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รับชีวิตวิถีใหม่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้เป็นเรื่องง่าย ประชาชนหันมาสนใจด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ดอกเบี้ยต่ำอย่างที่ไม่เคยเห็น ต้องเปลี่ยนแบบประกันทันที นำเสนอการประกันภัยสุขภาพแบบ D Health รองรับคนที่มีมีสวัสดิการ-ไม่มีสวัสดิการ หมดห่วงเรื่องค่าห้องพัก ค่ารักษา ให้ความคุ้มครองยาวถึง 99 ปี
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผยว่า บริษัทชูกลยุทธ์ New Normal Now “MTL” ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ ผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย เข้าใจง่าย บนแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital มุ่งตอบโจทย์ความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์และขจัดปัญหาของลูกค้าอย่างตรงจุด ตอบรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ผู้บริโภคมีความต้องการและพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น มองหาประกันชีวิตและสุขภาพที่สามารถตอบโจทย์เรื่องค่าใช่จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อย่างครอบคลุม เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
“โควิด-19 เปรียบเหมือนน้ำลดต่อผุด ดึงให้เห็นภาพชัดเจน เราจะต้องโตอย่างยั่งยืน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิตมีอายุเกือบ 70 ปี ไม่เคยเห็นดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้เลย ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร เคยต่ำที่สุด 1.6% แต่โควิดหา New low ประกันสะสมทรัพย์มีความละเอียดอ่อนกับเรื่องดอกเบี้ยมาก เรามีสัดส่วนถึง 80% ของเบี้ยทั้งหมด ส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ประเภทอายุ 10 ปี รอบนี้อัตราผลตอบแผนลงไปต่ำกว่า 1% ตอนนี้เพิ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.2% ต่อปี แบบประกันชีวิตสะท้อนผลตอบแทน เราต้องเปลี่ยนทันที จะต้องขายในสิ่งที่ใช่ ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลตอบแทน และความต้องการของประชาชน แม้ว่าประกันสุขภาพเบี้ยน้อยกว่าประกันสะสมถึง 10 เท่าก็ตาม โควิดที่เกิดขึ้น เรื่องสุขภาพมาแรงมาก ภาพรวมของเบี้ยทั้งระบบ -20% ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ของเราก็ติดลบ แต่ไตรมาสแรกยังดี ทำให้ทั้งปีนี้ติดลบไม่มาก ธุรกิจประกัน ไม่ได้คำนึงยอดขาย หรือกำไร เป็นเรื่องสำคัญ” นายสาระกล่าว
ทั้งนี้ บนโลกชีวิตวิถีใหม่ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ D Health” เก็ทง่าย จ่ายเต็มแม็กซ์ ที่โดดเด่นด้วยความคุ้มครองสุขภาพที่เข้าใจง่ายและให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยในแบบเหมาจ่ายตั้งแต่ 1 ล้านบาท สูงสุด 5 ล้านบาท ต่อการเข้าพักรักษาต่อครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ทั้งคนที่มีสวัสดิการและไม่มีสวัสดิการ หมดกังวลเรื่องค่าห้องเดี่ยว เพราะจ่ายในอัตรามาตรฐานของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ไม่ได้กำหนดราคาค่าห้องที่ชัดเจนเหมือนที่ผ่านมา และค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู.) ก็เหมาจ่ายตามจริง กรณีเจ็บป่วยและกรณีผ่าตัด ทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง ให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี
นอกจากเบี้ยประกันภัยยังนำไปใช้ลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต แล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป
นายสาระ กล่าวว่า บริษัทยังมีการพัฒนาด้านบริการ จะมุ่งเน้นสู่การเป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชัน “MTL Click” ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านประกันชีวิตได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การดูข้อมูลกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกัน การเคลม การค้นหาโรงพยาบาล การปรึกษาปัญหาสุขภาพออนไลน์ผ่านบริการ Telemedicine กับโรงพยาบาลสมิติเวช หรือการรับสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เมืองไทยสไมล์คลับ ที่ได้คัดสรรกิจกรรมสุดพิเศษ พร้อมปรับรูปแบบให้เข้าวิถีใหม่ไว้อย่างครบครัน
บริษัทได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ยกระดับบริการด้าน Telemedicine เพิ่มอนุสาขาของแพทย์ (Specialist)กว่า 400 คน ให้การรักษาผ่าน Virtual Hospital เพิ่มอีก 53 สาขา เช่น อายุรกรรมต่อมไร้ท่อ หัวใจ สูตินารีเวช หู คอ จมูก อายุรศาสตร์ด้านการติดเชื้อแพทย์ผิวหนัง หอบหืดและภูมิแพ้ เป็นต้น โดยมีแพทย์อนุสาขาทั้งหมดกว่า 400 ท่าน ที่พร้อมให้คำปรึกษาและรักษาได้ทั้งคนไข้เก่าและใหม่ ซึ่งความคุ้มครองอย่างเต็มรูปแบบนี้ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตสามารถเข้าถึงได้ผ่าน feature My Healthcare ในแอปพลิเคชัน MTL Click สำหรับลูกค้าประกันกลุ่ม และจะเปิดให้บริการสำหรับลูกค้าประกันเดี่ยวในวันที่ 15 ก.ค.นี้
นอกจากนี้เมืองไทยประกันชีวิตยังมีการขยายบริการ Telemedicine เฉพาะกิจไปยังโรงพยาบาลคู่สัญญาอีกถึง 48 แห่ง สำหรับผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นโรคเรื้อรังและเป็นผู้ป่วยเดิมที่มีประวัติการรักษาในโรงพยาบาล ที่มีนัดตรวจติดตามการรักษา เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก และลดความเสี่ยงจากการเดินทางออกจากบ้านให้แก่ผู้เอาประกันภัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2563 และเตรียมที่จะขยายสู่ Telemedicine เต็มรูปแบบต่อไปในอนาคต
สำหรับการพัฒนาด้านบริการ ได้ร่วมพัฒนาระบบกับเครือโรงพยาบาลบางประกอก พัฒนานวัตกรรมระบบการเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์ Application Programming Interface หรือ API ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการด้านการเคลมและเรียกร้องสินไหมให้มีความสะดวกรวดเร็ว และสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่ใช้บริการที่โรงพยาบาลเพียงบัตรประชาชนใบเดียว และข้อมูลที่ทำผ่านระบบนั้น อยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ปัจจุบันเริ่มให้บริการได้ที่เครือโรงพยาบาลบางประกอก 6 แห่ง ซึ่งเริ่มให้บริการที่ผู้ป่วยนอกก่อน และกำลังพัฒนาเพื่อให้บริการในผู้ป่วยใน รวมถึงมีแผนที่จะขยายไปในโรงพยาบาลคู่สัญญาแห่งอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
ด้านเมืองไทยสไมล์คลับ ได้มีการปรับรูปแบบของกิจกรรมและสิทธิพิเศษให้ตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม MTL Smile Live ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรม Work Shop ผ่าน Live ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ กิจกรรม Fit From Home เป็นการ Live Class ออกกำลังกาย ที่ให้สมาชิกเข้าร่วม Fit ได้โดยไม่ต้องจองคิว และไม่ต้องกังวลในการรักษาระยะห่าง รวมไปถึงการแลกคะแนนใช้รับส่วนลด Shopping Online กับพันธมิตรที่ร่วมโครงการ นอกจากนี้ลูกค้าที่ดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “MTL Click” พร้อมลงทะเบียนและเพิ่มกรมธรรม์ที่มีอยู่แล้วให้เสร็จสมบูรณ์ จะได้รับสิทธิความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. – 15 ส.ค. 2563 อีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบรับเทรนด์การดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ เมืองไทยประกันชีวิตได้ร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช มอบสิทธิพิเศษลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตและสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ สำหรับการซื้อหรือแลก “TytoCare” นวัตกรรมชุดอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้น ออกแบบมาให้ทุกคนสามารถใช้งานเองได้ที่บ้าน เพื่อส่งข้อมูลให้แก่คุณหมอที่ให้คำปรึกษาออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เชื่อมต่อการปรึกษาแพทย์ออนไลน์กับ Samitivej Virtual Hospital เหมือนหมอมาตรวจถึงบ้าน
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง และปรับกลยุทธ์องค์กร จากการให้พนักงานทำงานที่บ้านสู่การให้พนักงานสามารถทำงานได้ในทุกสถานที่ (Work From Anywhere) ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาคนทั้งตัวแทนและพนักงานด้วยการพัฒนาการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในภาวะที่โลกมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วพร้อมได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาความรู้สู่การอบรมวิถีใหม่บนออนไลน์แพลตฟอร์ม ผ่าน Live Streaming บนระบบ E-Learning ซึ่งสามารถสื่อสารกับผู้ดำเนินรายการหรือวิทยากรได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการสร้างการเรียนรู้แบบ Self Direct Learning เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ พนักงานและตัวแทนในยุคนี้ ที่เน้นการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะส่งผล ต่อการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ขึ้นภายในองค์กร และสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
“ในช่วงโควิด 2 เดือน MTL Click มีคนเข้ามาใช้เพิ่มเป็น 2.8 แสน แฟลตฟอร์มตอบโจย์ลูกค้า คิดว่าดี แต่ยังไม่เพอร์เฟค ยังพบข้อบกพร่องอีกมา เช่น ท่อตัน ต้องพัฒนาขึ้นอีกเยอะ โลกไดนามิกมาก โควิดยังไม่จบ นึกไม่ออกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเป็น V หรือ U ต้องวางแผน เดือนต่อเดือน” นายสาระกล่าว