ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 130 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจสดใส

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 130 จุด รับตัวเลขเศรษฐกิจสดใสทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป สะท้อนการฟื้นตัวดีขึ้น ตลาดหุ้นยุรปบวกยกแผง ราคาน้ำมันดิบร่วง สต็อกน้ำมันพุ่งเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 23มิถุนายน 2563 ที่ 26,156.10 จุด เพิ่มขึ้น 131.14 จุด หรือ 0.50% จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสทั้งในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจ รวมทั้งจากมุมมองทางบวกต่อความสามารถของสหรัฐฯในการตอบสนองต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,131.29 จุด เพิ่มขึ้น 13.43 จุด, +0.43%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,131.37 จุด เพิ่มขึ้น 74.89 จุด, +0.74%

กระทรวงพาณิชย์เผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 16.6% มาที่ระดับ 676,000 ยูนิตสูงกว่า 632,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด
ไอเอชเอส มาร์กิตเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 46.8 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 37.0 ในเดือนพฤษภาคม โดยดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นมาที่ 46.7 จาก 36.9 และดัชนี PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นมาที่ 49.6 จาก 39.8
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ของยุโรปเพิ่มขึ้นและหลุดจากแดนลบ ทำให้คาดหวังว่าเศรษฐกิจะฟื้นตัวเร็วแบบ v-shape

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความยืนยันว่า ข้อตกลงการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงบังคับใช้หลังจากที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาวนายปีเตอร์ นาวาโร กล่าวว่า การเจรจาค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจบลงไปแล้ว ขณะเดียวกันนายปีเตอร์ได้ออกมาแก้ข่าวว่า เป็นการให้ความเห็นเกินขอบเขต

อย่างไรก็ตามดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อเตือนในการแถลงต่อสภาคองเกรสว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงวิกฤติในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสรอบใหม่ แต่จะเร่งการตรวจหาผู้ติดเชื้อรวมทั้งกล่าวว่าแนวโน้มการพัฒนาวัคซีนน่าจะเห็นได้ในช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2021 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยบวกต่อตลาดและลดความกังวลของตลาด

นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่จะผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรสในเดือนกรกฎาคมนี้ และคาดว่าจีนจะยังคงยึดข้อตกลงการค้าระยะแรกที่ทำไว้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.13% หุ้นแอมะซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.86% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.26% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.67% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น0.9%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นลดลง นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 3% จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ของยุโรปเพิ่มขึ้น โดยไอเอชเอส มาร์กิตเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 47.5 เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จากระดับ 31.9 ในเดือนพฤษภาคม และจาก 13.7 เดือนเมษายน โดยดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นมาที่ 46.7 จาก 36.9 และดัชนี PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นมาที่ 49.6 จาก 39.8

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการแก้ข่าวเรื่องข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนของ นายปีเตอร์ นาวาโร ที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาว หลังจากที่ให้ข่าวว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจบลงไปแล้ว

ในเยอรมนีสั่งล็อกดาวน์ 1 เขตในแคว้นนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน หลังไวรัสระบาดรอบสอง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,320.12 จุด เพิ่มขึ้น 75.50 จุด, +1.21%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 367.40 จุด เพิ่มขึ้น 4.70 จุด, +1.30%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,017.68 จุด เพิ่มขึ้น 68.98 จุด, +1.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,523.76 จุด เพิ่มขึ้น 260.79 จุด, +2.13%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 40.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 42.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบร่วงสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่าคาด