ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 200 จุด แอปเปิลปิดสาขาอีกรอบ WHO เตือนเข้าสู่เฟสอันตราย

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 200 จุด แอปเปิลปิดสาขาอีกรอบ WHO เตือนเข้าสู่เฟสอันตราย ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ 25,871.46 จุด ลดลง 208.64 จุด หรือ 0.80% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยดัชนีปรับขึ้นกว่า 300 จุด และร่วงลงไป 300 จุดเช่นกันระหว่างชั่วโมงซื้อขาย หลังจากองค์การอนามัยโลก(World Health Organization)เตือนว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต ขณะเดียวกันแอปเปิลประกาศจะกลับมาปิดบางสาขาในสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า

ตลาดยังผันผวนจากการหมดอายุสัญญาของ 4 หลักทรัพย์ คือ single-stock options, single-stock futures , stock-index options และ stock-futures

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,097.74 จุด ลดลง 17.60 จุด, -0.56%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,946.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด, +0.03%

หุ้นแอปเปิลปิดลดลง 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ all-time high ส่วนหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ลดลง โดยหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และหุ้นคาร์นิวัล คอร์ปต่างลดลง 5%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 1%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.7%

แอปเปิลประกาศจะปิด 11 สาขาอีกครั้งในฟลอริดา แคโรไลน่า และอริสโซนา ตั้งแต่วันเสาร์นี้ ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุในการแถลงข่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ได้เข้าสู่ระยะใหม่และอันตราย อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ภายในวันเดียวในหลายรัฐ

นายเอริก โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลาง(เฟด) สาขาบอสตันกล่าวเตือนในการเสวนาผ่านเว็บคาสต์ที่จัดโดย Providence Chamber of Commerce ว่า มีโอกาสน้อยที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วและยังจำเป็นที่เฟดกับสภาคองเกรสให้การสนับสนุนต่อไป เพราะการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง และจากการที่ยังมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศและมีจำนวนเพิ่มขึ้นในหลายรัฐ ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีคงต่ำกว่าความคาดหวัง

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้นจากรายงานของบลูมเบิร์กว่า จีนมีแผนที่จะขยายการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงการค้าระยะแรกที่ตกลงไว้ในเดือนมกราคม โดยจีนตั้งใจจะซื้อถั่วเหลืองและเอธานอลแต่การระบาดของไวรัสทำให้รอบ 4 เดือนแรกของปีนี้ปริมาณการซื้อมีเพียง 13% ของเป้าหมายของข้อตกลงการค้า

อย่างไรก็ตามมุมมทางบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายล็อกดาวน์ยังคงมีผลต่อตลาด ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายแรนดัล เควลส์ รองประธานเฟดกล่าวกับ กลุ่มWomen in Housing and Finance ว่า เฟดจะเผยแพร่ผล Stress tests ภายในสิ้นเดือนนี้ และแนวโน้มเศรษบกิจยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก

ในไตรมาสแรกของปี สหรัฐฯขาดดุลการค้าลดลง 0.1% การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาสสุดท้ายปี 2019 ปรับใหม่ลดลงมาที่ 104.2 พันล้านดอลลาร์ จาก 104.3 พันล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศหลัก การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป และรายงานข่าวว่า หลังการเจรจาของนายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกับผู้แทนทางการฑูตระดับสูงของจีนนัปดาห์นี้ว่า จีนมีแผนที่จะขยายการซื้อถั่วเหลืองและเอธานอลจากสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตก ลงการค้าระยะแรกที่ตกลงไว้ในเดือนมกราคม หลังจากที่ชะลอไปในช่วงการระบาดของไวรัส

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตว่า จะตัดขาดความสัมพันธ์กับจีนอย่างสิ้นเชิง

คณะมนนตรีสหภาพยุโปเริ่มการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 750 พันล้านยูโร

ในอังกฤษยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมลดลง 13.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ดีกว่า 17.1% ที่นักวิเคราะห์คาด แต่เพิ่มขึ้น 12% จากเดือนก่อนเพราะมีการผ่อนปรนล็อกดาวน์ ส่วนภาระหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 103.7 พันล้านปอนด์ ซึ่งหมายถึงภาระหนี้ภาครัฐสูงเกินกว่าจีดีพีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1963 เป็นผลจากการระบาดของไวรัส

ในเยอรมนี เงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมลดลง 2.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อนและลดลง 0.4% จากเดือนก่อน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,2292.60 จุด เพิ่มขึ้น 68.53 จุด, +1.10%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 365.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.05 จุด, +0.56%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,979.45 จุด เพิ่มขึ้น 20.70 จุด, +0.42%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,330.76 จุด เพิ่มขึ้น 49.23 จุด, +0.40%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 39.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 42.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล