HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดกว่า 500 จุด ตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวก ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 3%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่ 26,289.98 จุด เพิ่มขึ้น 526.82 จุด หรือ 2.04% จากข้อมูลค้าปลีกที่ดีกว่าคาด รวมทั้งความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและรายงานแนวโน้มการรักษาโควิด-19 ได้ผล
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,124.74 จุด เพิ่มขึ้น 58.15 จุด, +1.90%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,895.87 จุด เพิ่มขึ้น 169.84 จุด, +1.75%
ยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 17.7% สูงกว่า 7.7% ที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงาน dexamethasone ซึ่งเป็นยาสเตียรอยด์ที่ใช้กันทั่วไปมีผล ในการรักษาชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง โดยสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลได้ถึง 1 ใน 3
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายรัฐของสหรัฐฯและในจีน จนต้องสั่งปิดโรงเรียนและล็อกดาวน์ชุมชนบางแห่ง และขอไม่ให้มีการเดินทางข้ามเมือง
ภาวะการซื้อขายยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่อ้างแหล่งข่าวว่า ทำเนียบขาวกำลังเตรียมที่จะเสนอแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
แต่ดัชนีอ่อนตัวจากจุดสูงสุดของวันจากการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง(เฟด)ซึ่งมีกำหนด 2 วันว่า เฟดจะปรับการซื้อตราสารหนี้ของเอกชนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด “หากภาวะตลาดดีขึ้นต่อเนื่อง เราจะชะลอการซื้อหรือหยุดซื้อ แต่หากตลาดมีทิศทางตรงข้าม เราจะซื้อเพิ่ม เราไม่คิดว่าเราจะเข้าตลาดตราสารหนี้เหมือนช้าง เราจะเข้าไปเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง”
ก่อนหน้านี้เฟดประกาศว่าจะขยายขอบเขตโครงการซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ตั้งวงเงิน 750 พันล้านดอลลาร์ให้ครอบคลุมตราสารหนี้รายบริษัทให้กว้างขึ้น โดยจะขยายการซื้อตราสารหนี้เข้าไปในตลาดรองด้วย
นายพาวเวลล์ยังกล่าวอีกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสต้องใช้เวลาอีกนานและเตือนนักลงทุนว่า อย่าตื่นเต้นกับตัวเลขค้าปลีกที่ดีกว่าคาด แม้จะยอมรับว่าดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัวบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพและตัวชี้วัดบางตัวสะท้อนว่ามีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ผลผลิตและการจ้างงานยังต่ำกว่าระดับก่อนการระบาด อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของระยะเวลาและความแข็งแกร่งของการฟื้นตัว
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่น เฟดเผยรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.4% จากหดตัว 12.5% ในเดือนเมษายน ขณะที่การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64.8%
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 21 จุด สู่ระดับ 58
หุ้นกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเมซีส์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 6.28% หุ้นนอร์ดสตรอม เพิ่มขึ้น 12.91% หุ้นโฮม ดีโปท์ เพิ่มขึ้น 3.5% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 8.96% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์เพิ่มขึ้น 15.2%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้นจากความคืบหน้าในการรักษาโรคโควิด-19 โดยหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ เพิ่มขึ้น 3.56% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มขึ้น 2.32% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค เพิ่มขึ้น 4%
หุ้นที่ไดรับผลดีจากการเปิดเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น โดยหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลนเพิ่มขึ้น 3.10% หุ้นเดลค้าแอร์ไลน์เพ่มขึ้น 2.76% หุ้นซีซาร์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพิ่มขึ้น 2.98% หุ้นนอร์วีเจียนครูซไลน์เพิ่มขึ้น 4.80%
หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.65% แม้มีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการทุ่มตลาดของยุโรปได้เริ่มการตรวจสอบว่า แอปพลิเคชัน Apple Pay และ App Store ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ที่ติดตั้งบนมือถือนั้น เป็นการละเมิดกฎหมายด้านการแข่งขันหรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 4.0% จากการประกาศของธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารหลางสหรัฐฯ ที่จะขยายขอบเขตโครงการซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ตั้งวงเงิน 750 พันล้านดอลลาร์ให้ครอบคลุมตราสารหนี้รายบริษัทให้กว้างขึ้น โดยจะขยายการซื้อตราสารหนี้เข้าไปในตลาดรองด้วย
ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศจะขยายโครงการเงินกู้เอกชนเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์
นักลงทุนยังขานรับข้อมูลค่าปลีกที่ดีกว่าคาดของสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานการรักษาโควิด-19 ได้ผล
ในอังกฤษอัตราการว่างงานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3.9% แต่จำนวนแรงงานที่อยู่ในระบบเงินเดือนบริษัทลดลง 612,000 คนหรือ 2.1% ในช่วงมีนาคมถึมพฤษภาคม
ในเยอรมนี สถาบัน ZEW เผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ 63.4 จาก 51.0 เดือนพฤษภาคม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,242.79 จุด เพิ่มขึ้น 178.09 จุด, +2.94%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 363.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด, +2.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,952.46 จุด เพิ่มขึ้น 136.74 จุด, +2.84%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,315.66 จุด เพิ่มขึ้น 404.31 จุด, +3.39%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 38.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 40.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ่านข่าว
ราคาน้ำมันดิบขึ้นขึ้นกว่า 3% หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว

