‘เฟด-บีโอเจ-ไทย’ อัดฉีดเพิ่ม หุ้นโลกดีดแรง ดัชนีพุ่ง 25จุด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นโลกดีดกลับแรง คาดไปได้ต่อ ดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่ง 700 จุด หนุนหุ้นเอเชียบวกแรง นำโดยญี่ปุ่นทะยานกว่า 4% ฮ่องกงมากกว่า 3% ไทยบวก 1.87% ยุโรปขยับขึ้น 2-3% ราคาน้ำมันดิบเดินหน้ากว่า 3%  หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นผ่านการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน พยุงตลาดตราสารหนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติขยายวงเงินในโครงการเงินกู้ให้กับบริษัทต่างๆ ส่วนไทยครม.มีมติอนุมัติกระตุ้นการท่องเที่ยว และเห็นชอบร่างงบรายจ่ายปี 64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ส่งผลให้สถาบัน-ต่างชาติพลิกกลับเข้ามาซื้อหุ้น หนุนเงินบาทอ่อนค่าปิดเหนือ 31 บาท/ดอลลาร์

วันที่ 16 มิ.ย. หุ้นไทยเปิดกระโดดตามตลาดต่างประเทศ  และดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า ระหว่างวันดัชนีขึ้นไปสูงสุดกว่า 35 จุด ก่อนปิดที่ระดับ 1,367.13 จุด +25.14 จุด หรือ +1.87% มูลค่าการซื้อขาย 68,455 ล้านบาท จากสถาบันไทยช้อน 2,626 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อหุ้น 422 ล้านบาท แต่ขายตราสารหนี้ 626 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขายหุ้นทำกำไร 3,847 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าปิดที่ระดับ  31.07 บาท/ดอลลาร์

ณ เวลา ประมาณ 19.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งแรงกว่า 700 จุด และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวขึ้นกว่า 3% เบรนท์ยืนเหนือ 41.00  ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงตามตลาดโลก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขยายขอบเขตโครงการ Secondary Market Corporate Credit Facility โดยจะซื้อหุ้นกู้ของเอกชนเป็นวงกว้างจากเดิมที่ลงทุนเฉพาะ ETF ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ช่วยพยุงตลาดตราสารหนี้  และเศรษบกิจ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นพลังงานต้นน้ำ

ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีการประชุมนโยบายการเงินวันนี้  มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีใกล้ 0% รวมทั้งคงมาตรการซื้อสินทรัพย์ ขณะที่ขยายมาตรการช่วยเหลือด้าน สภาพคล่องแก่ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 110 ล้านล้านเยน จากเดิมที่ 75 ล้านล้านเยน

ทั้งนี้บีโอเจส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณว่าพร้อมสนับสนุนสภาพคล่องทั้งเงินเยนและเงินตราต่างประเทศให้เพียงพอผ่านมาตรการซื้อสินทรัพย์และ Dollar funding operations อย่างไม่จำกัด

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงินรายจ่ายไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจะได้เตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

นอกจากนี้ครม.อนุมัติ หลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่าน 3 โครงการสำคัญ  ซึ่งจะใช้งบประมาณสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.2563 โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหุ้นที่ได้ผลดี ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, AAV อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมารับข่าวนี้ล่วงหน้ามามากแล้ว