GEP ตั้งคันทรี่ฯ พาเข้าตลาดหุ้นปี’ 64 ปีนี้ขอเวลาเพิ่มทุน ลุยเฟส 2-4

HoonSmart.com>>กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ เซ็นสัญญาแต่งตั้ง คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แผนปี 63 สร้างความแข็งแกร่ง เพิ่มทุน ขยายการลงทุนในเฟส 2-4 ในเมียนมา  ให้ครบ 220 เมกะวัตต์ มองหาโอกาสโครงการใหม่  

วันที่ 5 มิ.ย.2563 บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ ( GEP) เซ็นสัญญาแต่งตั้งบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายออง ทีฮา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ ( GEP) เปิดเผยว่า GEP มีแผนที่จะเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์และลม จำหน่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีความร่วมมือของผู้ลงทุนหลักคือ บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ ในฐานะบริษัทย่อยของ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) บริษัทเมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) และบริษัท Noble Planet PTE. Ltd. โดย GEP ได้เริ่มกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนชำระแล้ว 215,755,800 บาท มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 100 บาท

ปัจจุบันบริษัทดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกะวัตต์ (MW) ณ เมืองมินบู ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สัญญา 30 ปี ด้วยอัตรารับซื้อค่าไฟฟ้า 0.1275 เหรียญสหรัฐ / KWh แบ่งการก่อสร้างทั้งหมด 4 เฟส โดย 3 เฟสแรกมีขนาดละ 50 MW เฟสสุดท้าย 70 MW ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วจะขายให้กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ภายใต้กระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา  โดยเฟสแรกได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนก.ย.2562 ที่ผ่านมา

แนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ อาทิ เมียนมา โครงการของเรามีขนาดใหญ่ กำลังการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 350,000,000 kWh/ปี รองรับการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 200,000 ครัวเรือน ขณะที่ประชาชนในเมียนมาเข้าถึงไฟฟ้าเพียง 50% ในช่วงปี 2562 และตั้งเป้าการเข้าถึงไฟฟ้า 100% ภายในปี 2573 ปัจจุบันโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์แล้ว จำนวน 5,642 MW และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4,940 MW รัฐบาลยังมีแผนการพัฒนาขยายสายส่งกระแสไฟฟ้าเพิ่มอีกรวมกว่า 5,302 ไมล์ทั่วประเทศเมียนมา

บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูทั้ง 4 เฟสให้สำเร็จ  และพัฒนาโครงการอื่น ๆ ต่อไป โดยมีเป้าหมายหลักเป็นประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาตลอดจนริเริ่มโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ประเทศอื่นในภูมิภาคด้วย

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1/2563 มีกำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เท่ากับ 88.58 ล้านบาท หลังจากเริ่มมีจำหน่ายไฟฟ้าเฟสที่ 1 ขนาด 50 MW

” บริษัทวางแผนเข้าตลาดหุ้นระดมทุนสำหรับใช้ในขยายธุรกิจและเป็นเงินหมุนเวียน ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จของพันธกิจที่ตั้งไว้คือ การเป็นผู้นำทางความคิดที่จะลดการปล่อยมลพิษเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ” นายออง ทีฮา กล่าว

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู 20% เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรงวดแรกเข้ามาเต็มไตรมาส 4/2562 ในปีนี้เห็นส่วนแบ่งกำไรชัดเจนมากขึ้น ส่วนเฟสที่ 2 3 และ 4 อยู่ระหว่างการวางแผนเ พื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์

ดร. วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ กรรมการบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า GEP มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ให้มีความเหมาะสม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งและระดมทุนได้เร็ว ๆ นี้ โดยในปี 2563จะมีการเพิ่มทุนเพื่อขยายฐานทุนให้สูงขึ้น นำเงินเพื่อพัฒนาในโรงไฟฟ้าเฟสที่ 2 ,3 และ 4

“GEP เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี มีศักยภาพในการเติบโต  ดำเนินงานจากทีมผู้บริหารที่มีความรู้ ความเข้าใจ มีศักยภาพ และประสบการณ์ในด้านธุรกิจพลังงาน และมีการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจของบริษัทให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด  แข่งขันได้ รองรับการขยายตัวของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก” ดร.วีรพัฒน์ กล่าว