JMT ชี้ธุรกิจบริหารหนี้แกร่งหนุน Q1/63 กำไรพุ่ง 43% ทุบสถิติใหม่

HoonSmart.com>> JMT ชี้ธุรกิจบริหารหนี้แกร่งฝ่าโควิด-19 ไตรมาส 1/63 กำไรทุบสถิติใหม่ทะลุ 200 ล้านบาท โตกว่า 43% จัดเก็บหนี้ดีเยี่ยม กำไรเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้เพิ่มกว่า 140 ล้านบาท ส่วนธุรกิจติดตามหนี้เติบโตตามสภาวะตลาด CEO ส่งสัญญาณหนี้เสียในระบบออกมาต่อเนื่องพร้อมซื้อเข้าพอร์ต มั่นใจ Q2/63 โตต่อเนื่อง

สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทำสถิติกำไร ไตรมาสสูงที่สุดของบริษัทอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 206.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.3 ล้านบาท เติบโต 43.1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 27.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่ม 3.9% ถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นต่อเนื่อง

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 764.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212 ล้านบาท เติบโต 38.4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ย เงินปันผล และกำไรจากเงินให้เสินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้จากธุรกิจซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหาร รวมอยู่ที่ 595.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 40.2% เนื่องจากความสำเร็จในการตัดมูลค่าเงินลงทุนในกองหนี้ด้อยคุณภาพครบตามจำนวน ทำให้มีกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับ 144.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้กับสถาบันการเงินอยู่ที่ 97.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% และมีรายได้จากการรับประกันภัย 71.4 ล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้จากธุรกิจประกันภัย ของ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จากการขยายพอร์ตประกันภัยที่เพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา โดยประกันที่ขายเพิ่มส่วนใหญ่เป็นประเภท Non-motor ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) เท่ากับ 815 ล้านบาท เติบโต 15% จากไตรมาส 1/2562 และ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 ที่ 5.2% ซึ่งโดยปกติไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีการจัดเก็บที่ดีที่สุด

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ เดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ในระบบยังมีอยู่จำนวนมาก ด้านการจัดเก็บหนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มองว่าผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มีอยู่บ้าง แต่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เชื่อจะเติบโตตามเป้าหมายในปีนี้ที่วางไว้

ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 JMT มีพอร์ตบริหารหนี้รวมประมาณ 180,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อนราว 6,000 ล้านบาท สะท้อนความสามารถในการซื้อหนี้เขามาบริหารได้เพิ่มขึ้น และจะทยอยเข้ามาสร้างรายได้และกำไรที่ดีต่อเนื่องในปี 2563 และมั่นใจวางงบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้สูงขึ้นอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท จะเป็นไปตามแผน ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจหนี้ด้อยคุณภาพภาคเอกชนรายใหญ่ของประเทศ