TASCO พลิกขาดทุน 783 ลบ.รายได้ลด 28% มาร์จิ้นหด กระแสเงินสดน้อยลง

HoonSmart.com>>บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/2563 ขาดทุนสุทธิ 783 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 717 ล้านบาท ยอดขายทั้งในและต่างประเทศลดลง ค่าใช้จ่ายบาน กำไรอัตราแลกเปลี่ยนวูบเหลือแค่ 20 ล้านบาท 

ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO)  กล่าวว่า ขาดทุนที่เกิดขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการ ลดลง 27.9% เหลือจำนวน 5,111 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายในต่างประเทศหลายแห่งลดลง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ของภาครัฐสำหรับตลาดในประเทศ นอกจากนี้ราคาขายสินค้าก็ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง

ในงวดไตรมาส 1/2563 บริษัทมียอดขายยางมะตอย 320,000 ตัน ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 398,000 ตัน ส่งผลให้ไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 5,111 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 7,091 ล้านบาท

ขณะที่มีต้นทุนขายและบริการจำนวน 4,915 ล้านบาท คิดเป็น 96.2% ของรายได้จากการขายและบริการ เพิ่มขึ้นเทียบกับสัดส่วน 94.2% ทั้งนี้ต้นทุนขายดังกล่าวเป็นยอดต้นทุนที่ไม่ได้รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองเผื่อการลดลงในมูลค่าของสินค้าคงเหลือและกำไรจาการป้องกันความเสี่ยงจากการประกันราคาสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น) ลดลงเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ต่ำลง และสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ขายแตกต่างกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของราคาน้ำมันดิบ ยางมะตอย และผลิตปิโตรเลียม

อย่างไรก็ตาม สำรองค่าเผื่อการลดลงในมูลค่าของสินค้าคงเหลือส่วนหนึ่งถูกชดเชยด้วยการบันทึกกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงจากการประกันราคาสินค้าจำนวน 1,313 ล้านบาท

“จากการที่ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างมากจาก 66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงสิ้นไตรมาส 4/62 มาอยู่ที่ 23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงสิ้นไตรมาส 1/2563 ได้ส่งผลให้ราคายางมะตอยลดลงตามไปด้วย ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีกำไรจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าจำนวน 1,313 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ต้องบันทึกผลขาดทุนจากสินค้าคงคลังเป็นจำนวนมากถึง 2,163 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 784 ล้านบาท” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเป็น 20 ล้านบาทจาก 109 ล้านบาทในไตรมาส 1/2562 เพราะเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และโรงกลั่นมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มเติม 42 ล้านบาท สำหรับการเช่าถังเก็บน้ำมันดิบเพิ่ม ค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำมันดิบ และค่าใช้จ่ายอื่นๆซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในปี 2561

สำหรับยอดขายที่ลดลง ส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงเป็น 379 ล้านบาท จากจำนวน 474 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.81 เทียบกับ 1  เป็นผลจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของเจ้าหนี้การค้าของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบ

ด้านราคาหุ้น TASCO  ปิดที่ 17.30 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.76% มูลค่าการซื้อขาย 122 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2563