ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 200 จุด จ้างงานลดกว่า 20 ล้านตำแหน่ง

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 200 จุด จ้างงานเอกชนเม.ย.ลดลงกว่า 20 ล้านตำแหน่ง น้ำมันดิบร่วง 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6พฤษภาคม 2563 ที่ 23,664.64 จุด ลดลง 218.45 จุด หรือ 0.91% หลังอ่อนตัวลงในช่วงท้ายตลาดจากข้อมูลการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนเมษายนที่ลดลงมากเป็นประวัติการณ์ และจากผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,848.42 จุด ลดลง 20.02 จุด, -0.70%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,854.39 จุด เพิ่มขึ้น 45.27 จุด, +0.51%

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เผยการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนเมษายนลดลง 20.236 ล้านตำแหน่ง เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกันนักลงทุนรอข้อมูลการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสัปดาห์ก่อน และข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเมษายนที่จะเผยแพร่วันศุกร์นี้

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลาง (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า การจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

แต่นักวิเคราะห์มองว่าเริ่มมีข่าวดีหลังจากรัฐนิวยอร์กที่มีการทดสอบผู้ติดเชื้อไวรัสต่อเนื่องและจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง นอกจากนี้รัฐนิวยอร์กเตรียมที่จะผ่อนคลายการล็อกดาวน์ให้กับภาคการผลิต การก่อสร้างและร้านค้าปลีกบางประเภทในสัปดาห์หน้า และแคลิฟอร์เนียเตรียมจะอนุญาตให้ร้านเสื้อผ้า ร้านหนังสือและร้านดอกไม้เปิดบริการเฉพาะรับกลับบ้านในวันศุกร์นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ล้มเลิกแผนที่จะปิดทีมเฉพาะกิจควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 และกล่าวว่า ทีมนี้จะยังคงทำหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด

ตลาดยังอ่อนตัวลงจากการลดลงของกลุ่มธนาคารแต่แรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีช่วยพยุงไม่ให้ร่วงลงไปมาก

หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 2.28% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ลดลง 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 1.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.37% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.7% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.77%

หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 1.44% หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นอินเทลเพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.03%

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์เพิ่มขึ้น 5.1% หลังผลการดำเนินงานไตรมาสแรกดีกว่าคาด และเปิดเผยแผนการกลับมาเปิดโรงงานในอเมริกาเหนือวันที่ 18 พฤษภาคมนี้

หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ปลดลง 1.3% แม้กำไรและรายได้ไตรมาสแรกดีกว่าคาด

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงกว่า 2% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลลดลง 1.85% หุ้นเชฟรอน ลดลง 3.06%

หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 12.53% หลังบริษัทเตรียมระดมทุนหรือแปลงหนี้เป็นทุนเนื่องจากขาดทุนในไตรมาสแรก

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลง 3.5% หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง จากความกังวลต่อปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาด กลบปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่อังกฤษแซงหน้าอิตาลีเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงสุดในยุโรป

นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อคืนนี้ยังสะท้อนว่า เศรษฐกิจยุโรปยังชะลอตัวจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยไอเอชมารช์กิต เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโดยรวม(Purchasing Managers’ Index)ขั้นสุดท้ายเดือนเมษายนลดลงมาที่ 13.6 จาก 29.7 เดือนมีนาคม

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,853.76 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 จุด, +0.07%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 334.34 จุด ลดลง 1.16 จุด, -0.35%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ,433.38 จุด ลดลง 49.75 จุด, -1.11%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,606.20 จุด ลดลง 123.26 จุด, -1.15%

หุ้นบีเอ็มดับเบิ้ลยูลดลง 4.64% แม้กำไรจากการดำเนินงานไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 133% เนื่องจาไม่มีการตั้งสำรองเหมือนในงวดเดียวกันของปีก่อน และเตือนว่ากำไรปีนี้จะกระทบอย่างมากจากความต้องการที่อ่อนตัว

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 57 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 23.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 29.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล