HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์เแตะเบรคนักลงทุนอย่าฝันหวานหุุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบเด้งแรง ราคาหุ้นขยับขึ้นมาใกล้มูลค่าเหมาะสม ท่ามกลางความเสี่ยงข้างหน้า บล.ทิสโก้ ชอบโรงกลั่น อัตรากำไรเพิ่มขึ้น มีกำไรสต๊อก สนพ.คาดแนวโน้มราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ดาวโจนส์บวก
นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า นักลงทุนที่คิดจะเข้ามาไล่ซื้อหุ้นพลังงาน จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง หลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแรง เบรนท์ทะลุ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานคงจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการปลดล็อกดาวน์หลายประเทศ แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ทำให้กำลังการผลิตส่วนเกินยังมีอยู่สูงมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนจะต้องเลือกหุ้นพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และมีผลต่อเนื่องถึงราคาผลิตภัณฑ์ โดยบล.ทิสโก้ ชอบกลุ่มโรงกลั่นมากกว่า PTTEP เนื่องจากอัตรากำไรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และมีกำไรจากสต๊อก
ทั้งนี้ TOP ปิดที่ 40.50 บาท วันที่ 5 พ.ค. 2563 ขณะที่นักวิเคราะห์ให้มูลค่าเหมาะสมเฉลี่ย 43 บาท
สำหรับ PTTEP บล.ทิสโก้แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 79 บาทหลังจากผลประกอบการไตรมาส 1 ตามคาด แต่การดำเนินงานแย่ ปริมาณการขายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อ่อนแอ เนื่องจากอุปสงค์ของน้ำมันโลกที่ลดลง และปริมาณการนำเข้า LNG ที่เพิ่มขึ้น คาดการดำเนินงานจะลดลงต่อในไตรมาส 2 จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง ด้านราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลง กว่า 50% และราคาก๊าซอยู่ที่ 6.2 ดอลลาร์/mmbtu ในช่วงไตรมาส 2 การผลิตจะถูกกดดันเพิ่มเติมจากการระบาดของโควิด-19 ปตท.สผ.คาดว่าปริมาณการผลิตจะลดลง 4% จากไตรมาส 1
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” PTTEP ราคาพื้นฐาน 85 บาท แม้ว่ากำไรไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 8.6 พันล้านบาท ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและลดลง 275 จากไตรมาสก่อน ดีกว่าคาดก็ตาม แต่แนวโน้มไตรมาส 2 มีความเสี่ยงที่จะอ่อนแอลงจากไตรมาส 1 จะมีแรงกดดันจากอุปสงค์ก๊าซที่ลดลง และราคาน้ำมันที่ตกต่ำกระทบรายได้สัดส่วน 30% ที่มาจากผลิตภัณฑ์เหลว ซึ่งส่วนใหญ่อิงราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 50% นับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2563
สำหรับ PTTEP มีรายได้มาจากก๊าซถึง 70% ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 84 บาท สูงกว่าราคาเฉลี่ยที่ 82.25 บาท ใกล้เคียงราคากลาง 84.25 บาท ของนักวิเคราะห์ที่ดูแล 18 ราย โดยบล.เอเซียพลัสให้สูงถึง 100 บาทส่วนบล. ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย)ให้ต่ำสุด เพียง 60 บาท
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่าราคาน้ำมันดิบระหว่างวันที่ 27 เม.ย. – 5 พ.ค. 2563 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากตลาดคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเริ่มเพิ่มขึ้นจากการที่ประเทศในยุโรป และประเทศต่างๆ ทั่วโลก เริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรหรือกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ได้เริ่มเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงที่ ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563
ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ระดับ 23,883.09 จุด เพิ่มขึ้น 133.33 จุด หรือ 0.56% ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันเริ่มลดกำลังการผลิตลงและความต้องการเริ่มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือ 20.5% ปิดที่ 24.56 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.77 เหรียญสหรัฐ หรือ 13.9% ปิดที่ 30.97 เหรียญสหรัฐ