HoonSmart.com>>กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน เม.ย.63 อยู่ที่ 99.75 ลดลง -2.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง -2.03% จากเดือน มี.ค. ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.04% สวนทางราคาพลังงานต่ำสุดในรอบกว่า 11 ปี รวมเงินเฟ้อ 4 เดือนเฉลี่ย -0.44% Core CPI ขยายตัว 0.41% เดือนพ.ค.มีโอกาสติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เข้าภาวะเงินฝืด คาดไตรมาส 2 เงินเฟ้อหดตัว -2.28% ยืนเป้าทั้งปีนี้ที่ -1% ถึง-0.2%
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อ ในเดือน เม.ย.2563 อยู่ที่ 99.75 ลดลง -2.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง -2.03% จากเดือน มี.ค.63 โดยในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ของปี 63 เฉลี่ย -0.44%
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 102.82 เพิ่มขึ้น 0.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง -0.07% จากเดือน มี.ค.63 และช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) เฉลี่ย -0.50%
ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 105.03 เพิ่มขึ้น 1.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.08% จากเดือน มี.ค.63 ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 96.79 ลดลง -5.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง -3.28% จากเดือน มี.ค.63
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สนค. เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนเม.ย.2563 หดตัวแรงสุดในรอบ 10 ปี 9 เดือน เนื่องจากสินค้าในกลุ่มพลังงานราคาลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 11 ปี นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา รวมถึงสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพบางรายการก็ลดลงจากมาตรการของภาครัฐที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมสินค้าในกลุ่มอาหารสดยังขายตัวได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยเรื่องภัยแล้ง
“การจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในช่วงโควิดเป็นปัจจัยชั่วคราวที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าและบริการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ศักยภาพการผลิตและความสามารถด้านการแข่งขันของไทยยังอยู่ในระดับที่ดี” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
ในปีนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคงยากที่จะหวังพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่การบริโภคในประเทศน่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนได้มากกว่า ดังนั้นจึงต้องหวังพึ่งนโยบายและมาตรการต่างๆ จากภาครัฐเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้หมุนเวียนได้ต่อไป
“ถึงตอนนี้ไทยยังไม่เข้าภาวะเงินฝืด แต่ในเดือนพ.ค.ก็ยังมีโอกาส คาดว่าเงินเฟ้อน่าจะติดลบต่อ จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะหดตัว -2.28% เนื่องจากราคาน้ำมัน ยังไม่เห็นแนวโน้มของราคาขาขึ้น แต่ไตรมาส 3 และ 4 อัตราเงินเฟ้อน่าจะขยับดีขึ้น หากเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาขับเคลื่อนได้ ทั้งนี้ สนค.ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีนี้ไว้ที่ -1.0 ถึง -0.2%