HoonSmart.com>> “แปซิฟิกไพพ์” ปรับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าตอบสนองความต้องการตลาด พร้อมบริการเสริมด้านแปรรูปเหล็กสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ท่อเหล็ก ลดภาระลูกค้าผู้รับเหมาฯ ด้านผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผลหุ้นละ 0.27 บาท ถึงมือ 15 พ.ค.นี้ มูลค่ารวมกว่า 178 ล้านบาท ชูอัตราปันผลมากกว่า 50% ของกำไร จ่ายสูงกว่าปีก่อน
นางเอื้อมพร ปัญญาใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ (PAP) เปิดเผยว่า แผนการดําเนินธุรกิจในปี 2563 นี้ แม้ว่าในไตรมาส 1/2563 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างต้องปิดทำการในบางพื้นที่ ประกอบกับการขนส่งสินค้าทำได้ยากลำบากเพราะอยู่ภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่โครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ยังดําเนินต่อไปได้ แม้จะได้รับผลกระทบทางด้านการคมนาคมขนส่ง และการขาดแคลนแรงงานบ้าง ทั้งนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การให้บริการเพื่อให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ และสามารถช่วยสนับสนุนลูกค้าในกลุ่มผู้รับเหมาและกลุ่มงานโครงการ
สำหรับกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทยังคงเน้นเรื่องพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเน้นการให้บริการเสริมด้านการแปรรูปเหล็ก (Steel Service) เช่น การตัด ดัดโค้ง ชุบ เคลือบสี เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กที่บริษัทเป็นผู้นำด้านการผลิตอยู่แล้ว ทั้งนี้บริการเสริมเหล่านี้จะช่วยลดภาระของผู้รับเหมา ทั้งในด้านต้นทุน และสถานที่ ตลอดจนประหยัดเวลาในการติดตั้งที่หน้างาน
“บริษัทเน้นให้ความสําคัญด้านคุณภาพสินค้าและบริการ การส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน และให้คําปรึกษากับลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสําคัญกับการพัฒนาบุคลากรซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าขององค์กร เพื่อให้บุคลากรมีทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอน รวมทั้งมีกิจกรรมทางด้านการตลาดกับกลุ่มคู่ค้าและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” นางเอื้อมพร กล่าว
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2563 หากอยู่ในช่วงสถานการณ์ปกติ ปริมาณการบริโภคเหล็กในประเทศไทยจะอยู่ที่ 18 ล้านตันโดยประมาณ แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ประกอบกับภาพรวมของระบบเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มหดตัว ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างต่างๆ ที่ชะลอตัวลง จึงคาดว่าในปี 2563 ปริมาณการใช้เหล็กในประเทศมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ราคาเหล็กโลกมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ PAP กล่าวอีกว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2563 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลประจําปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.27 บาท สําหรับ 660 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 178.20 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้กําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล ในวันที่ 6 มีนาคม 2563 และกําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค.2563
PAP จ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ที่ 0.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 51.70% ของผลกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งสูงกว่านโยบายที่ประกาศจะจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายให้แก่ผู้ถือหุ้น และการจ่ายปันผลครั้งนี้สูงกว่า ปี 2561 ซึ่งจ่ายปันผลหุ้นละ 0.05 บาท หรือคิดเป็น 41.67% ของผลกำไรจากการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัท แปซิฟิกไพพ์ เป็นผู้นําด้านการผลิตท่อเหล็กคุณภาพ ทำการผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กใช้ระบบผลิตแบบการเชื่อมเหล็กแผ่นโดยใช้ความต้านทานไฟฟ้า (Electric Resistance Welded: ERW) ปัจจุบันบริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กครอบคลุมมากกว่า 5,000 รายการ โดยจำแนกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ท่อเหล็กดำ และท่อเหล็กชุบสังกะสี รวมทั้งสินค้าประเภทเหล็กแผ่น (Cut sheet) โดยมุ่งตอบสนองความต้องการการใช้งานของลูกค้า ทั้งในงานโครงสร้างประเภทต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม โครงสร้างท่าอากาศยาน โครงสร้างคลังสินค้า โครงสร้างอาคารสูง เป็นต้น และในรูปแบบงานระบบ เช่น งานระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบชลประทาน ระบบสุขาภิบาล เป็นต้น