ดาวโจนส์ปิดบวก 26 จุด น้ำมันดิบดีดตัวยืนเหนือ 20 ดอลลาร์

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 26 จุด ราคาน้ำมันดิบดีดตัวยืนเหนือ 20 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลสงครามการค้าระลอกใหม่ ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ที่ 23,749.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.07 จุด หรือ 0.11% จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนหลังสหรัฐฯ เดินหน้ากล่าวหาว่าจีนจัดการกับการระบาดไวรัสโควิด-19 ผิดพลาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,842.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด, +0.42%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,710.71 จุด เพิ่มขึ้น 105.77 จุด, +1.23%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 3.1% ปิดที่ 20.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 2.9% ปิดที่ 27.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การปรับตัวขึ้นของกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาดหนุนให้ตลาดฟื้นตัวจากที่ร่วงลงไป และเป็นการเพิ่มขึ้นมากพอที่จะกลบการลดลงของหุ้นกลุ่มสายการบินหลังจากบริษัทเบิร์คไชร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในสายการบินของสหรัฐ

โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลเพิ่มขึ้น 3.96% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตันเพิ่มขึ้น 2.77% ขณะที่ในกลุ่มเทคโนโลยีหุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 2.45% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.48% หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.41% ส่วนในกลุ่มสายการบินหุ้นเดลต้า แอร์ไลน ลดลง 6.4% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 7.7% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 5.1% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ลดลง 5.7%

หุ้นเบิร์คไชร์ แฮทธาเวย์ ลดลง 2.38% ส่วนมูลค่าการลงทุนในหุ้นสายการบินรวมมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ก่อนขายออก

อย่างไรก็ตามตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากเพราะความกังวลต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะใช้มาตรการทางภาษีจัดการกับจีน หลังตำหนิการจัดการต่อการรระบาดของไวรัสของจีน และเมื่อวันอาทิตย์ นายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่ามีหลักฐานมากพอที่จะระบุได้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่เกิดจากห้องทดลองของจีน

กระทรวงพาณิชย์เผย คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมีนาคมลดลง 10.3% จากเดือนก่อนหน้า เป็นการลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นจีอีลดลง 4.5% หลังประกาศว่าธุรกิจผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินจะปลดพนักงาน 13,000 รายเพราะการระบาดของไวรัสมีผลต่อความต้องการในการเดินทางด้วยการบิน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ตึงเครียดหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่จะใช้มาตรการภาษีลงโทษจีน ในกรณีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และเมื่อวันอาทิตย์ นายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวว่ามีหลักฐานมากพอที่จะระบุได้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่เกิดจากห้องทดลองของจีน

นักลงทุนยังวิตกต่อเศรษฐกิจที่หดตัวหลัง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย ของหลายประเทศลดลงซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตโดยรวมของยูโรโซนเดือนเมษายนลดลงมาที่ 33.4 จาก 44.5 เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจในกลางปี 1997

ดัชนี PMI อิตาลีเดือนเมษายนลดลงมาที่ระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ที่ 31.1 ดัชนี PMI สเปนลดลงมาที่ 30.8 ดัชนี PMI ภาคการผลิตเยอรมนีลดลงมาที่ 34.5 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009

นอกจากนี้จากการสำรวจของธนาคารกลางสหภาพยุโรป พบว่า นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซฯจะหดตัว 5.5% ในปีนี้ แต่จะฟื้นตัว 4.3% ในปีหน้า

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,753.78 จุด ลดลง 9.28 จุด, -0.16%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 328.44 จุด ลดลง 8.95 จุด, -2.65%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,378.23 จุด ลดลง 193.95 จุด, -4.24%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,466.80 จุด ลดลง 394.84 จุด, -3.64%

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นรับผ่อนคลายล็อคดาวน์ โอเปกพลัสลดกำลังผลิต