ซื้อ RATCH-EGCO แนะขาย BGRIM หยวนต้าเชียร์ SUPER ถูก น่าสน

HoonSmart.com>>นักลงทุนสลับตัวเล่นหุ้นไฟฟ้า แรงซื้อไหลบ่าเข้า RATCH-EGCO ราคายังถูก เทียบ P/E ไม่ถึง 20 เท่า P/BV 1 เท่าเศษ นักวิเคราะห์แนะทยอยขายทำกำไร BGRIM ขึ้นมารับข่าวบวกแล้ว ส่วนบล.หยวนต้ามอง 4 เหตุผลหนุน SUPER น่าสนใจ

การซื้อขายหุ้นวันที่ 28 เม.ย. 2563 นักลงทุนยังคงสนใจหุ้นไฟฟ้า แต่มีการสลับตัวเล่น เข้าหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ราคาปิดที่ 40 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาทหรือ 2.56% บริษัท ราชกรุ๊ป (RATCH) ราคาปรับตัวขึ้นโดดเด่น 68.50 บาท บวก 3 บาทหรือ 4.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 877 ล้านบาทและบริษัทผลิตไฟฟ้า (EGCO) ปิดที่ 275 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาทหรือ 3.00% มูลค่าซื้อขาย 830 ล้านบาท ส่วนหุ้นไฟฟ้าที่เคยร้อนแรง  BGRIM ปิดที่ 44.25 บาท GPSC ปิดที่ 70.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน

บล.โนมูระ พัฒนสิน(CNS) ให้น้ำหนักหุ้น BGRIM เท่ากับตลาด ราคาเป้าหมาย 36 บาท แนะควรทยอยขายทำกำไร เพราะระหว่างปียังมีความเสี่ยงที่ปรับตัวลง ในขณะที่ราคาปัจจุบันสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกำไร และโครงการลงทุนที่อยู่ระหว่างเจรจาไปแล้ว

นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิเพียง 90 ล้านบาทลดลงถึง 83% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 78% จากไตรมาส 4 /2562 ที่ผ่านมา แรงฉุดจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ประมาณ 600 ล้านบาท หากตัดออก คาดกำไรปกติ 690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เติบโต 61% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แรงส่งจากกำลังการผลิตเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 50 % และค่าใช้จ่ายลดลงตามฤดูกาล ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 คาดกำไรปกติยังคงเติบโต โรงใหม่ที่มาชดเชยการขายไฟที่ลดลงจากผลโควิด-19แต่เทียบกับไตรมาก่อนจะลดลงตามรายได้ส่วนของการจัดจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

ด้านนายชาญเดช หลีทศรัตน์ นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นแนะนำ EGCO ราคาเป้าหมาย  285 บาท แนะนำขายบริเวณ 295-312 บาท แนวรับที่ 261 บาท และ Stop Loss ที่ 249 ส่วนหุ้น EA แนะนำเล่นเร็ว ราคาเป้าหมาย 43.5 บาท ขายที่ระดับ 47.5 บาท และ Stop Loss ที่ 38.5 บาท

ด้าน บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น SUPER มี 4 เหตุผลที่ประเมินว่าราคาหุ้นน่าสนใจ 1. หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบจำกัดจากโควิด-19 เนื่องจากมีสัญญาขายไฟที่แน่นอน 2. มีการเติบโตจากโครงการขนาดใหญ่ในเวียดนามทั้งโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าพลังลม ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ หนุน Equity MW เพิ่มขึ้น 112%  เป็น 1,404 เมกะวัตต์ (MW) ในปี 2564 และ +30% เป็น 1,825 MW ในปี 2565

3. อิงประมาณการรายได้ของบริษัท และอัตรากำไรสุทธิที่ 22% คาดกำไรปี 2564 เติบโต 53% และ ปี 2565 เติบโต 34% และ4. ซื้อขายที่ P/E 2563 ที่ 9.8 เท่า และลดลงเหลือ 6.4 เท่าในปี 2564 ไม่แพงในเชิงมูลค่าเทียบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ซื้อขายสูงกว่า 14-15 เท่า ทางเทคนิคแนวต้าน 0.53 บาท และ 0.55 บาท หากผ่านได้มีโอกาสขึ้นทดสอบ 0.59-0.60 บาท