บลจ.กสิกรฯ ถือเงินสด 10-15% รอซื้อ ชี้หุ้นผันผวนแนะจัดพอร์ตกระจายลงทุน

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุนรับมือโควิด-19 คาดกดกำไรบจ.โตติดลบจากปีก่อน 20% กลับมาฟื้นปี 64 ชี้หุ้นขึ้นเร็วแนะระมัดระวัง ด้านกองทุนหุ้นภายใต้บริหารถือเงินสด 10-15% ของพอร์ต มอง 4 กลุ่มน่าลงทุน “คอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์-สาธารณูปโภค-พาณิชย์-ขนส่งทางราง” หวังโควิด-19 คลี่คลายเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวครึ่งปีหลัง หนุนหุ้นไทยสิ้นปี 1,350 จุด

วศิน วณิชย์วรนันต์

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ว่าจะคลี่คลายได้เร็วเพียงใด ซึ่งคาดการณ์ไว้ไม่เกินไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ หากควบคุมได้ภายในไตรมาส 2 มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาได้ภายในครึ่งปีหลัง ลักษณะเป็น U-Shape Recovery ที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างช้าๆ เนื่องจากภาครัฐและธนาคารกลางทั่วโลกต่างเร่งดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อเสริมสภาพคล่องรวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส ระยะเวลาและความเข้มงวดของมาตรการ Lockdown จากภาครัฐ รวมถึงประสิทธิภาพจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากภาครัฐและธนาคารกลาง

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงผลกระทบของสถานการณ์ COVID-19 เป็นปัจจัยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุด และคาดว่ามีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เพื่อเสริมสภาพคล่องและสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดตราสารหนี้

น.ส.ธิดาศิริ กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยคาดการณ์แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้ 2563 นี้จะติดลบ 20% จากปีก่อน และจะกลับมาเติบโตได้ปกติในปี 2564 และหากสถานการณ์โควิด-19 ควบคุมได้ภายในไตรมาส 2 ดัชนีในสิ้นปีมีโอกาสแตะ 1,350 จุด สะท้อน Forward P/E ปี 2564 ที่ 15 เท่า ขณะเดียวกันมองโอกาสน้อยที่ดัชนีจะลงแรงไปแถวจุดต่ำสุดเดิม 1,000 จุด

กลยุทธ์การลงทุนกองทุนหุ้นของบลจ.กสิกรไทย หลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมากว่า 20% จากระดับต่ำสุดที่ 1,000 จุด ซึ่งขึ้นเร็วและแรง สวนทางกำไรบจ. ทำให้ระยะสั้นมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อการลงทุน เนื่องจากคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัว ปัจจุบันกองทุนถือเงินสด 10-15% ของพอร์ต จากภาวะปกติถือน้อยกว่า 5% ซึ่งอัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดกองทุนถือเงินสดถึง 20-25%

ด้านนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง ทำให้แรงขายของต่างชาติไม่กระทบตลาดมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติคงยังไม่กลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยเมื่อเทียบตลาดหุ้นแห่งอื่นน่าสนใจกว่า ซึ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโตติดลบ 5.3% ขณะเดียวกันนักลงทุนสถาบันถือครองเงินสดมากกว่าปกติ จึงมองว่าหากสัญญาณโควิด-19 คลี่คลายเงินเหล่านี้ก็น่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย

สำหรับกองทุนแนะนำในช่วงนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ซูเปอร์สตาร์ เพื่อการออมพิเศษ (K-SUPSTAR-SSFX) ซึ่งนอกจากจะได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำที่มีความมั่นคงสูงเพื่อโอกาสทำกำไรในระยะยาวแล้ว ผู้ลงทุนยังจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนบาท โดยลงทุนได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้เท่านั้น

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย แนะนำกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME) ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และปรับสัดส่วนให้สอดรับกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และกองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศจีนซึ่งได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) และมีการปรับสัดส่วนการลงทุนอยู่ตลอดเวลาเพื่อลดความผันผวนของกองทุน

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในระยะสั้นตลาดยังมีความผันผวนอยู่สูง โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น แต่คาดว่าปัจจัยลบในช่วงที่ผ่านมาจะมีผลอย่างจำกัดมากขึ้น

ด้านนายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อยู่ที่วัตถุประสงค์ของนักลงทุนแต่ละราย ซึ่งหากต้องการพักเงิน แนะนำกองทุนเปิดเค บริหารเงิน (K-CASH) ซึ่งจะเน้นเรื่องสภาพคล่องสูงและมีความผันผวนต่ำ หรือหากลงทุนได้ระยะยาวมากขึ้นอาจลงทุนกองทุนประเภทเทอมฟันด์ หรือหากต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นแต่จะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS)

นายวศิน ยังกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจกองทุนรวมในไตรมาส 1/2563 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งอุตสาหกรรมหดตัวลง 16% จาก 5.2 ล้านล้านบาทในสิ้นปีทีผ่านมาเหลือ 4.4 ล้านล้านบาท และคาดว่าสิ้นปี 2563 น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 4.8 ล้านล้านบาท ลดลงประมาณ 7% จากสิ้นปี 2562

สำหรับบลจ.กสิกรไทยมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการลดลงอยู่ที่ 9.3 แสนล้านบาท จาก 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม ซึ่งถูกกระทบจากโควิด-19 การปิดตัวของกองทุนบางกองที่ส่งผลกระทบไปด้วย โดยคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะกลับมาอยู่แถว 1 ล้านล้านบาทได้ นอกจากนี้จากการแพร่ระบาดโควิด-19 พบผู้ลงทุนมาใช้บริการออนไลน์ผ่าน Digital มากขึ้น ทั้งจาก K-My Funds และ K Plus ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นกว่า 25% ซึ่งในปีนี้ยังคงเน้นการขายกองทุนผ่านช่องทางดังกล่าวต่อเนื่อง