ดาวโจนส์ปิดบวก 30 จุด น้ำมันดิบฟื้น ทดสอบยารักษาโควิด-19 ไม่ได้ผล

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 30 จุด ทดสอบยา remdesivir รักษาโควิด-19 ไม่ได้ผล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 23 เมษายน 2563 ที่ 23,515.26 จุด เพิ่มขึ้น 39.44 จุด หรือ 0.17% จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์และจากความคาดหวังการให้ความเห็นชอบมาตรการเยียวยาวผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชุดใหม่จากสภาผู้แทนราษฎร แต่การปรับตัวขึ้นถูกจำกัดและดัชนีลดลงจากที่ขึ้นไปกว่า 400 จุดระหว่างวันจากรายงานข่าวที่ว่าการทดสอบยา remdesivir ของบริษัท กิลเลียด ซานยส์ ไม่ได้ผลในการรักษาโรคโควิด-19

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,797.80 จุด ลดลง 1.51 จุด, -0.05%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,494.75 จุด ลดลง 0.63 จุด, -0.01%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 19.7% ปิดที่ 16.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 96 เซนต์หรือ 4.7% ปิดที่ 21.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ไฟแนนเซียลไทมส์ซึ่งอ้างรายงานการทดสอบยาเอกสารที่เผยแพร่ในเว็บไซต์องค์การอนามัยโลก(World Health Organization) ว่า ยา remdesivir ของบริษัทกิลเลียดซายนส์ ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นหรอไม่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคในกระแสเลือดได้ ในการทดลองทางคลินิกในจีน ขณะที่บริษัทชี้แจงก่อนตลาดปิดถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ผลการทดลองผ่านเว็บไซต์องค์การอนามัยโลกซึ่งเกิดจากความผิดพลาด และได้ถูกถอดออกเว็บไซต์ในภายหลังนั้นว่า การทดลองไม่ได้ผลเนื่องจากมียกเลิกเสียก่อน

หุ้นกิลเลียดซายนส์ลดลง 4.3%

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่ตลาดอ่อนไหวต่อวิธีการรักษาโรคโควิด-19 สะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่ต้องการให้เศรษฐกิจกลับสู่ปกติ

กระทรวงแรงงานเผย การยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4 ล้านราย สูงกว่า4.3 ล้านราย ที่นักวิเคราะห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เผย ยอดขายบ้านใหม่เดือนมีนาคมลดลง 15.4% มาที่ระดับ 627,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2013 และต่ำกว่า 645,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

ไอเอชมาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคบริการเดือนเมษายนลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 27 จาก 39.8 เดือนมีนาคม ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงมาที่ 36.9 จาก 48.5 ต่ำสุดในรอบ 11 ปี

นอกจากนี้นักลงทุนยังประเมินผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาด โดยการเติบโตของกำไรต่อหุ้นคาดว่าติดลบ 13.6% และหากหักกลุ่มน้ำมันออกไปก็จะติดลบ 11.8% จากระยะเดียวกันของปีก่อน

ขณะนี้มี 84 บริษัทจากดัชนี S&P 500 รายงานผลการประกอบการซึ่ง 66.7% ในจำนวนที่แจ้งมานี้มีผลการดำเนนินงานดีกว่าคาด และ28.6% ผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด

โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.79%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 3% หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง แต่นักลงทุนยังกังวลต่อเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังไอเอชมาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคบริการเดือนเมษายน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)โดยรวมของยูโรโซนลดลงมาที่ 13.5 จาก 29.7 เดือนมีนาคม

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการอังกฤษลดลงมาที่ 12.3 จาก 34.5 เดือนมีนาคม

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) โดยรวมฝรั่งเศสลดลงมาที่ 11.2 จาก 28.9 เดือนมีนาคม ต่ำสุดตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีปี 1998

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)โดยรวม เยอรมนีลดลงมาที่ 17.1 จาก 35.0 เดือนมีนาคม ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นเครดิตสวิสมีกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 75% และราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2% ส่วนหุ้นเรย์โนลต์รายได้ไตรมาสแรกลดลง 19.2% แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 4%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 826.61 จุด เพิ่มขึ้น 55.98 จุด, +0.97%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 330.24 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด, +0.94%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,451.00 จุด เพิ่มขึ้น 39.20 จุด, +0.89%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,513.79 จุด เพิ่มขึ้น 98.76 จุด, +0.95%

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ รับอาจลดกำลังผลิตเร็วกว่ากำหนด