ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 600 จุด น้ำมันดิบดิ่งต่อเนื่อง

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 600 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันดิบดิ่งต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 21 เมษายน 2563 ที่ 23,018.88 จุด ลดลง 631.56 จุด หรือ 2.67% จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มเทคโนโลยี และจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,736.56 จุด ลดลง 86.60 จุด, -3.07%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,263.23 จุด ลดลง 297.50 จุด, -3.48%

การลดลง 55.60 ดอลลาร์หรือมากกว่า 306% มาปิดที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมจากสัญญาหมดอายุเมื่อวานนี้ได้ส่งผลต่อเนื่องไปถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนมิถุนายน

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 8.86 ดอลลาร์ หรือ 43.4% ปิดที่ 11.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1999 ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมซึ่งหมดอายุสัญญาเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 55.90 ดอลลาร์หรือ 306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 6.24 ดอลลาร์หรือ 24.4% ปิดที่ 19.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การลดลงของราคาน้ำมันดิบทำให้นักลงทุนวิตกว่าความเสียหายของธุรกิจน้ำมันจะซ้ำเติมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนและการจ้างงานซึ่งได้รับผลกระทบจากใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสซึ่งมีผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและการว่างงานเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว รวมทั้งกังวลว่าบริษัทน้ำมันอาจจะผิดนัดชำระหนี้ ตลอดจนยังเป็นการส่งสัญญานว่าเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างมาก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความว่าได้สั่งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังให้เตรียมแผนการเงินไว้สำหรับช่วยเหลือบริษัทน้ำมันเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้และยังให้คนมีงานทำในระยะยาว

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการลดลงของกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากมีการปรับลดราคาเป้าหมายของบริษัทใหญ่ ทั้งอัลฟาเบทและเฟซบุ๊ก จากยอดขายโฆษณาออนไลน์ที่ลดลง

นักลงทุนไม่ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 450 พันล้านดอลลาร์ที่มุ่งไปกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส หลังจากวุฒิสภามีมติเป็นเอกฉันท์ให้ความเห็นชอบ

นอกจากปัจจัยลบยังได้กลบข่าวดีที่ว่าหลายรัฐทั้ง จอร์เจีย เซ้าท์แคลิฟอร์เนีย เทนเนสซี่ และเท็กซัสเตรียมที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ตลาดยังเกาะติดสถานการณ์ในเกาหลีเหนือหลังรายงานข่าวซีเอ็นเอ็นอ้างหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน อยู่ในภาวะวิกฤติหลังจากการผ่าตัด เพราะไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เผย ยอดขายบ้านมือสองเดือนมีนาคมลดลง 8.5% มาที่ระดับ 5.27 ล้านยูนิต ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 3.8% หุ้นเฟซบุ๊กลดลง 4.17% หุ้นอินเทลลดลง 4.8% หุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 4.1%

หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) ลดลง 3% หลังรายได้ไตรมาสแรกลดลงและยกเลิกคาดการณ์แนวโน้ม

หุ้นเอ็กซอนโมบิลลดลง 0.53% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ลดลง 3.4% หุ้นออกซิเดนทัล ปิโตรเลียมลดลง 2%

หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบ และอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง 2.6% หลังจากปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีเนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ยอดขายและรายได้ดีกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังนักลงทุนมีปฏิกิริยาต่อราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมดิ่งลง 55.60 ดอลลาร์หรือมากกว่า 306% มาปิดที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกเนื่องจากราคาน้ำมัน WTI ได้ลดลงหลังจากตลาดปิดไปแล้ว

การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบส่งสัญญานเตือนนักลงทุนว่า เงินเฟ้อจะต่ำ ผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น อัตราเติบโตต่ำ และการเมืองระหว่างประเทศจะไม่แน่นอน เนื่องจากกระทบต่อสถานะเงินดอลลาร์เพราะจะหมุนเวียนในระบบลดลง

หุ้นโรยัลดัทช์เชลล์ หุ้นบีพี ในอังกฤษ และหุ้นโททัล ในฝรั่งเศสต่างลดลงราว 3%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,641.03 จุด ลดลง 171.80 จุด, -2.96%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,357.46 จุด ลดลง 170.84 จุด, -3.77%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,249.85 จุด ลดลง 426.05 จุด, -3.99%