HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย ชี้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนสูง จับตามาตรการธนาคารกลางเรียกความเชื่อมั่น เดินหน้าจ่ายเงินปันผลกองทุนทองคำ K-GOLD กว่า 190 ล้านบาท ดีเดย์ 14 เม.ย.นี้ พร้อมแนะนำลงทุนสัดส่วน 5-10% ของพอร์ต ช่วยกระจายเสี่ยง ไม่เหมาะเก็งกำไรระยะสั้น
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำได้มีการปรับตัวผันผวน โดยเฉพาะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลให้เกิดแรงขายสินทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงทองคำเพื่อมาถือเงินสด อย่างไรก็ดี ทองคำยังคงทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยภายใต้ความผันผวนได้ดี อีกทั้งการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศต่างลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) รวมถึงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินแบบไม่จำกัดวงเงินของเฟด ล้วนถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
“สำหรับภาพรวมตลาดการเงินทั่วโลก ยังคงมีความผันผวนสูงอย่างต่อเนื่องภายใต้ความกังวลของผู้ลงทุนที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงมาอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังคงต้องจับตาว่ามาตรการที่ธนาคารกลาง และรัฐบาลหลายประเทศต่างออกมาบรรเทาผลกระทบ จะเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนกลับมาได้มากน้อยเพียงใด โดยบลจ.กสิกรไทย คาดว่าตลาดจะยังคงได้รับแรงกดดันไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่ความสำเร็จในการค้นพบวัคซีนป้องกัน อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ก็อาจทำให้ความน่าสนใจในทองคำลดลงไปได้ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำให้ผู้ลงทุนถือครองหน่วยลงทุนของกองทุน K-GOLD ในสัดส่วน 5-10% ของพอร์ต เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง มากกว่าการเข้าลงทุนเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ต หรือ เข้าลงทุนเพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น” นายนาวินกล่าว
บลจ.กสิกรไทย จ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 เมษายน 2563 มูลค่าทั้งสิ้น 196.61 ล้านบาท
นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน K-GOLD เมื่อปี 2551 กองทุนได้มีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 18 ครั้ง เป็นเงิน 4.95 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนหลักมีนโยบายที่มุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก ซึ่งที่ผ่านมาสามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ 7.28% และ 21.54%ต่อปี ตามลำดับ
กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ โดยกำหนดเงินลงทุนขั้นต่เพียง 500 บาท