HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 700 จุด สวนทางตลาดหุ้นยุโรปลดลง ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนไร้ข้อสรุป ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หวังประชุมโอเปกพลัสวันนี้ ลดกำลังผลิต 10 ล้านบาร์เรล/วัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 8 เมษายน 2563 ที่ 23,433.57 จุด พุ่งขึ้น 779.71 จุด หรือ 3.44% จากทำเนียบขาวเตรียมแผนที่จะกลับมาอนุญาตให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการตามปกติ และจากการดำเนินการแบบฉุกเฉินของธนาคารกลาง(เฟด)เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดในเดือนที่แล้ว
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 90.57 จุด, +3.41%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,090.90 จุด เพิ่มขึ้น 203.64 จุด, +2.58%
นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะสนับสนุนตลาดและพยุงเศรษฐกิจต่อไป หลังการรายงานประชุมวันที่ 15 มีนาคมของเฟดระบุว่า ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสที่เลวร้ายสุดเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวจนกว่าปีหน้า รวมทั้งเกรงว่าในอนาคตเฟดอาจจะหมดกระสุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถดถอย หลังจากคณะกรรมการ นโยบายการเงินได้ลดดอกเบี้ยแบบฉุกเฉินไปที่ 0-0.25% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า งบดุลเฟดจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านล้านดอลลาร์ในปีหน้าเพราะเฟดจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและเพื่อป้องกันความเสียหายระยะยาวของเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ของกองทุน Pimco คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสสองจะติดลบ 30% และการว่างงานจะเพิ่มขึ้นมาที่ 20%
ขณะเดียวกันมีแนวโน้มว่าธุรกิจจะได้กลับมาดำเนินการเร็วกว่าที่คาด และรัฐจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กับผู้เสียชีวิตเริ่มลดลง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมีราว 400,000 รายสูงกว่าประเทศอื่นกว่า 2 เท่า และมีผู้เสียชีวิตสะสม 12,900 ราย
แต่นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้รับผิดชอบดูแลควบคุมการระบาดคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้เพราะผู้ติดเชื้อรายใหม่ใหล้เข้าระดับสูงสุดและจำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มชะลอตัว แต่หลังจากสัปดาห์นี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะพลิกผันดีขึ้น
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จากที่กังวลว่าแผนประกันสุขภาพถ้วนหน้าของเขาจะมีผลต่อการกำกับดูแลกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่เข้มงวดขึ้นและการเติบโตของกำไร
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยหุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้น 4.2% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส เพิ่มขึ้น 3.69% หุ้นไฟเซอร์เพิ่มขึ้น 2.95% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.98%
หุ้นแคทเธอพิลลาร์เพิ่มขึ้น 4.5% หลังประกาศยังจ่ายเงินปันผล 1.03 ดอลลาร์ต่อหุ้นเท่าเดิม
หุ้นมาราธอนออยล์เพิ่มขึ้น 7.3% หลังประกาศลดการใช้จ่ายเงินลงทุนลงมาที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเจอเนอรัล มอเตอร์เพิ่มขึ้น 8.6% หลังทำสัญญาผลิตเครื่องช่วยหายใจ 30,000 เครื่องมูลค่ารวม 489.4 ล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันศุกร์เนื่องในวันกู้ด ฟรายเดย์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนไม่มีข้อสรุปในการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อวิกฤติเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แลจากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของฝรั่งเศส เยอรมนี
ที่ประชุม 16 ชั่วโมงของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนไม่ข้อสรุปและยังมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกันการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สมาชิกยูโรโซน
สถาบันวิจัยชั้นนำ 5 แห่งของเยอรมนีได้ร่วมกันประมาณการณ์เศรษฐกิจ ว่าการระบาดของไวรัสจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ 4.2% และทำให้จีดีพีในไตรมาสสองลดลง 9.8% เป็นการเติบโตต่ำสุดรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 1970 ที่มีการจัดทำตัวเลข แต่จะฟื้นตัว 5.8% ในปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,677.73 จุด ลดลง 26.72 จุด หรือ -0.47%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 326.67 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด, +0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,442.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด, +0.10%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,332.89 จุด ลดลง 23.81 จุด หรือ -0.23%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 6.2% ปิดที่ 25.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 3% ปิดที่ 32.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ่านข่าว