เปิดใจ “ณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี”
ทำไมต้องอยู่กับปุ๋ย ( NFC ) มาถึง 15 ปี
วันที่ 15 มิถุนายน 2561 เป็นวันที่ “ณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี” รอคอยอย่างจดจ่อ รอวันที่ เอ็นเอฟซี ( NFC ) หรือชื่อเดิม “ปุ๋ยแห่งชาติ” จะกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ถือเป็น 15 ปีที่ต้องอดทนอย่างมาก กับการทำธุรกิจและธุรกรรมการเงินที่ทุ่มไปกับ NFC ฟูมฟัก ราวกับไข่ในหิน ซึ่งไม่ต่างไปจากลูกคนที่ 3-4 ของ ณัฐภพ เลยทีเดียว
สำหรับนักลงทุนบางคน ที่ถือหุ้นปุ๋ยแห่งชาติ ก่อนณัฐภพ เข้ามา ย่อมมีความรู้สึกไม่ได้ต่างจาก “ณัฐภพ” นัก อาจจะมากกว่า 15 ปี ด้วยซ้ำ วันที่ 15 มิ.ย. จึงเป็นวันที่สำคัญมาก สำหรับ “ณัฐภพ” และผู้ถือหุ้น NFC ทุกคน
ทำไม !!! “ ณัฐภพ” ถึงต้องอยู่กับ ปุ๋ยแห่งชาติ มาถึง 15 ปี ทั้งที่ ผู้ถือหุ้นเดิมอย่างกระทรวงการคลัง หน่วยงานรัฐ ตลอดจนปตท. ถอนตัวไม่เหลือเยื่อใยกับบริษัทแห่งนี้
“ ณัฐภพ” เปิดใจเหตุผลกับ “Hoonsmart.com ว่า ทำไมถึงต้องอยู่กับ NFC มา 15 ปี !!!! ทั้งที่ พร้อมวางมือการทำงานได้ตลอดเวลา แต่ใจที่รักการทำงาน และสภาพร่างกายที่ทำงานไหว จึงไม่คิดวางมือ แม้ว่าจะมีลูกชายคนโต “ ณัฐพงษ์” มาช่วยงานแล้วเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาก็ตาม
“ณัฐภพ” ลูกคนจีน หนุ่มใหญ่ วัย 60 ปี จบการศึกษาด้านการตลาดจากวิทยาลัยอัญสัมชัญพาณิชย์ ในปี 2520 จากนั้นเริ่มทำงานค้าขายเคมีมาตลอด ไม่นานนักเขากลายเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นกรรมการผู้จัดการคนแรกของบริษัท ยูนิค แก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัล ทำอยู่ได้ 8 ปี จากนั้นจึงลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว
ในปี 2528 “ณัฐภพ” ตั้งบริษัท เอส.ซี กรุ๊ป ( SC ) ขึ้นมา เป็นผู้ให้บริการขนส่งปิโตรเคมี – พลังงาน ทางรถ และปี 2530 ได้ขยายธุรกิจครบทั้ง ทางน้ำ ทางเรือ ทางท่อ เป็นการเติบโตจากเครือข่ายที่ขยายออกไปเรื่อย ๆ แต่ยังอยู่กับธุรกิจปิโตรเคมี
ปัจจุบัน SC กรุ๊ป เป็นบริษัทส่วนตัว ที่มีความแข็งแรง ทั้งธุรกิจและการเงิน มีรถขนส่งกว่า 2 พันคัน , เรือกว่า 100 ลำ ทั้งเรือชายฝั่ง เรือลากจูง เรือให้บริการแท่นขุดเจาะน้ำมัน และมีท่าเรือที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี , สงขลาที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ผลประกอบการแต่ละปี มีรายได้ราว 6 พันล้านบาท กำไรประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่ง ณัฐภพ-SC กรุ๊ป ที่ทำธุรกิจกว่า 30 ปี ถือเป็นเบอร์ 1 การขนส่งวัตถุอันตรายในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยให้กับลูกค้าผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น เอสโซ่ เชล หรือ ปตท. มากว่า 15 ปี
เมื่อพื้นฐานการทำธุรกิจของ “ณัฐภพ” เกิดจากการค้าขายเคมีภัณฑ์ และเติบโตจากการขนส่ง ทำให้ ปุ๋ยแห่งชาติ เป็นเป้าหมายต่อไป ที่เขาต้องการได้บริษัทแห่งนี้ มาต่อยอดธุรกิจ โดยไม่ได้มองว่า NFC เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ให้ความสำคัญกับศักยภาพของสินทรัพย์ NFC มากกว่า เป็นการซื้อธุรกิจเพื่อต่อยอด ซื้อความเป็นปุ๋ยแห่งชาติ ที่มีท่าเรือในพื้นที่ของการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่เหลืออายุสัมปทาน 26 ปี มี พื้นที่หลังท่าเรือ ประมาณ 500 ไร่ เป็นการซื้อสินทรัพย์เพื่อทำธุรกิจ และวางแผนพัฒนาพื้นที่ 500 ไร่ เป็นคลังสินค้าของเหลว (แท็งค์ฟาร์ม ) และ ศูนย์รวมการขนส่งตู้คอนสินค้าทางรถไฟ หรือ ICD ลักษณะเดียวกับลาดกระบัง
ทั้งหมดเป็นเป้าหมายที่ทำให้ “ณัฐภพ- SC กรุ๊ป ทุ่มเทเงินจำนวนมากและเวลาทั้งหมดอยู่กับ NFC ถึง 15 ปี แม้ว่าวันนี้ ( 15 มิ.ย.) 15 ปี ของการรอคอยมาถึง ก็ไม่ได้ทำให้ความใส่ใจใน NFC ลดน้อยลงไปกว่าเดิม แต่กลับทวีความใส่ใจมากขึ้น เพราะเขาเห็นว่า NFC มีศักยภาพของท่าเรือ และพื้นที่หลังท่าเรือ ที่ยังไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ EEC
ส่วนที่หลายคนกลัวว่าวันแรก 15 มิ.ย. ที่หุ้นกลับมาซื้อขาย “ณัฐภพ” จะขายหุ้นออก น่าจะเป็นคำตอบแล้วว่า ไม่ใช่เวลาของการขายหมู เขาและ SC กรุ๊ป ไม่ต้องการเงิน แต่ความตั้งใจที่มีมาตลอดคือ การพัฒนาพื้นที่หลังท่าเรือ 500 ไร่ของ NFC รองรับ EEC ในช่วง 3-5 ปี เมื่อถึงเวลานั้น การขายน่าจะได้ราคาดีที่สุด สอดคล้องกับความต้องการของเขา ที่ต้องการให้หุ้น NFC เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนการลงทุน โดยสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน และเมื่อถึงเวลานั้น หรือ 5 ปีข้างหน้า ที่การพัฒนาสิ้นสุดแล้ว NFC จะเป็นหุ้นปันผล ตามเป้าที่วางไว้