KTAM คืนกำไรทริกเกอร์เข้าเป้าไว 15 วัน-กองตราสารหนี้ปิด IPO ยอดพุ่ง 5.3 พันลบ.

HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย คืนกำไร “ทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย” ผลตอบแทนเข้าเป้าเร็ว 15 วัน ได้ 5.3% เกินเป้าหมายตั้งไว้ 5% ด้าน “กองทุนตราสารหนี้” เปิด IPO กองใหม่ 3 วัน ผลตอบรับดีระดมทุนได้กว่า 5,300 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ลงทุนไว้วางใจ KTAM บริหารจัดการเงินลงทุน

ชวินดา หาญรัตนกูล

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า KTAM ในขณะนี้สามารถพิสูจน์ฝีมือการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม ด้วยความสำเร็จจากกองทุนเปิดกรุงไทย ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 (KT-TRIG3) ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนเกินความคาดหวัง ภายใน 15 วัน อยู่ที่ 5.3% ซึ่งมากกว่าที่กองทุนประมาณการไว้ และยังระดมทุนได้กว่า 5,300 ล้านบาท หลังเปิด IPO เพียง 3 วัน ในกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซท์ 55 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนได้ว่า แม้ในสภาวะความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้น KTAM ยังคงบริหารเงินลงทุนของลูกค้าได้อย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ

ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงไทย ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 (KT-TRIG3) ที่เปิดขายไปเมื่อ 17 – 19 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา KTAM สามารถบริหารจัดการจนได้ทะลุเป้าถึง 5.3% สูงเกินกว่าที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ 5% ภายในระยะเวลา 6 เดือน และพร้อมรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัติโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ด้วยวิธีการจับจังหวะการลงทุนในช่วงสถานการณ์ที่ราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง

กลยุทธ์ของกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่อิงกับปัจจัยภายในประเทศ (Domestic) ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทย การฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุน เลือกลงทุนรายหลักทรัพย์โดยให้ความสำคัญกับระดับราคาหุ้นที่สอดคล้องกับแนวโน้มผลประกอบการที่มีการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศและปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงหุ้นที่มีการขยับชิ้นของราคาไม่มาก (Laggard) และหุ้นที่มีการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน (Turnaround) จับจังหวะการลงทุนโดยพิจารณาจากระดับราคาหุ้นที่จะเข้าลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี้ชี้วัดและเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสม

นอกจากนี้อีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการบริหารจัดการกองทุนตราสารหนี้ของ KTAM ก็คือ การระดมทุนในกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซท์ 55 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย เพียง 3 วัน ได้เม็ดเงินลงทุนกว่า 5,300 ล้านบาท หลังเปิด IPO เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้กองทุนดังกล่าวต้องทำการปิดการเสนอขายหน่วยลงทุนในวันที่ 3 เม.ย.2563 เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจจองซื้อหน่วยลงทุนเกินมูลค่าที่โครงการกำหนดไว้

“แม้ว่าสถานการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2562 ด้วยทั้งปัจจัยจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ วิกฤติน้ำมัน และที่สำคัญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในหลายประเทศทั่วโลก แต่ KTAM เองก็ยังคงยึดหลักการในการบริหารเงินลงทุนด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ มีมาตรฐาน และติดตามทุกสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ KTAM ยึดถือและปฎิบัติเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนมาโดยตลอด พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนับ KTAM ด้วยดีอย่างต่อเนื่อง โดย KTAM จะยังคงทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนและทุกภาคส่วนผ่านวิกฤตินี้ไปพร้อมกัน”นางชวินดา กล่าว