ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 1,600 จุด หลังผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 1,600 จุด คาดเข้าสู่จุดพีกเร็วๆ นี้ หลังผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลง ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง ราคาน้ำมันดิบร่วง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6 เมษายน 2563 ที่ 22,679.99 จุด เพิ่มขึ้น 1,627.46 จุด หรือ 7.73% แต่ลดลงจากจุดสูงสุดของวัน หลังจากที่จำนวนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐฯเริ่มลดลง ทำให้เกิดความหวังว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะแตะระดับสูงสุดในเร็วๆนี้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,663.68 จุด เพิ่มขึ้น 175.03 จุด, +7.03%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,913.24 จุด เพิ่มขึ้น 540.15 จุด, +7.33%

ในวันที่ 2 เมษายน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 30,000 ราย วันที่ 3 เมษายนเพิ่มขึ้น 32,100 ราย วันที่ 4 เมษายนเพิ่มขึ้น 33,260 ราย แต่วันที่ 5 เมษายนเพิ่มขึ้นเพียง 28,200 ราย ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่าจำนวนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเริ่มทรงตัว ส่งผลต่อจิตวิทยานักลงทุน ส่วนที่นิวยอร์กซึ่งเป็นรัฐที่มีการระบาดสูงสุด ผู้เสียชีวิตวันที่ 5 เมษายนมีจำนวน 594 ลดลง จาก 630 รายจากวันที่ 4 เมษายน เป็นการลดลงครั้งแรก

นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐนิวยอร์กอาจจะเข้าสู่ช่วงพีกเร็วกว่าที่คาด ขณะเดียวกันจำนวนผู้เสียชีวิตในยุโรปที่ลดลงก็มีส่วนทำให้คาดหว่างสหรัฐฯอาจจะเข้าใกล้จุดพีกเร็วๆนี้ และแสดงให้เห็นว่ามาตรการระยะห่างทางสังคมได้ผล แต่สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก

แม้ดัชนี S&P 500 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ จากกลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าฟุ่มเฟือย และเทคโนโลยีแต่ก็ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดกลางเดือนกุมภาพันธ์อยู่ 22% เพราะนักลงทุนคาดว่า บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 จะมีผลการดำเนินถดถอยในปีนี้ โดยกำไรไตรมาสแรกและไตรมาสสองจะลดลง เนื่องจากความต้องการลดลงในหลายภาคธุรกิจทั้ง สายการบิน สินค้าฟุ่มเฟือย และอุตสาหกรรม ทั้งนี้คาดว่ากำไรไตรมาสแรกจะลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

หุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้นมากกว่า 19% หุ้นอเมริกันเอ็กซ์เพรสและหุ้นวีซ่าต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 11%

หุ้นคาปรี โฮลดิ้ง เจ้าของแบรนด์ เวอร์ซาเชเพิ่มขึ้น 27.9% หลังคาดว่าจะกลับมาเปิดร้านในวันที่ 1 มิถุนายน และจะปลดพนักงาน 7,000 รายในสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากการปรับตัวขึ้นของทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 9% หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เริ่มชะลอตัว โดยที่อิตาลี ศูนย์กลางการระบาดในยุโรป ก่อนที่สเปนจะแซงหน้าขึ้นไปนั้น รายงานเมื่อวันที่ 5 เมษายน ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงในช่วงมากกว่าสองสัปดาห์

ที่สเปน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง ส่วนในเยอรมนีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่สาม จึงมีรายงานว่ารัฐบบาลเยอรมนีกำลังเตรียมมาตรการเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากมาตรการล็อกดาวน์จะสิ้นสุดวันที่ 19 เมษายนนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการสั่งให้สวมหน้ากากอนามัยเอออกจากบ้าน จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ และการสอบสวนโรคให้เร็วขึ้น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,582.39 จุด เพิ่มขึ้น 166.89 จุด, +3.08%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 320.58 จุด เพิ่มขึ้น 11.52 จุด, +3.73%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,346.14 จุด เพิ่มขึ้น 191.56 จุด, +4.61%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,075.17 จุด เพิ่มขึ้น 549.40 จุด, +5.77%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 8% ปิดที่ 26.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 33.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล