ฟิทช์ลดเครดิต BBL ห่วงกำไร-คุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ 2 ปี

HoonSmart.com>>ฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว-ระยะสั้น  แนวโน้มมีเสถียรภาพ ไวรัสส่งผลกระทบรุนแรงเกินคาด  สำรองหนี้สูญเพิ่ม  รายได้ลด กำไรร่วง  เงินกองทุนลดลงประมาณ 3% จากการซื้อแบงก์อินโดนีเซีย  ธนาคารกรุงเทพมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย หากจำเป็นรัฐกระโดดเข้าช่วยเหลือ 

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็น ‘BBB’ จาก ‘BBB+’ และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F2’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’โดยแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ฟิทช์ยังปรับลดอันดับเครดิตสากลของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิเป็น ‘BBB’ ปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เป็น ‘BB+ ‘ จาก ‘BBB’ และยกเลิกสถานะอยู่ระหว่างสังเกตการณ์ผลกระทบจากการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต

ฟิทช์ปรับลดเครดิตของ BBLสะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัส เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงลูกหนี้ที่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้

ความรุนแรงของสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน  ฟิทช์คาดว่าคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ BBL อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วง 2 ปีข้างหน้า นอกจากการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว รายได้ก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยชะลอตัวอีกทั้งฐานะเงินกองทุนที่จะอ่อนแอลงจากการซื้อกิจการธนาคาร PT Bank Permata Tbk (Permata: AAA(idn)/เครดิจพินิจเป็นลบ) ในประเทศอินโดนีเซีย

“BBL ต้องเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของกำไรที่มากขึ้นในระยะกลางจากการเพิ่มสัดส่วนความเสี่ยงจากธนาคารที่มีธุรกิจอยู่ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ด้อยกว่า การซื้อกิจการน่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ น่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 3% ธนาคารคาดว่าจะเพิ่มเงินกองทุนจากกำไรสะสม แต่ภาวะการณ์นี้ ฟิทช์ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การเพิ่มขึ้นของเงินกองทุนจะเป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด”

สำหรับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตของ BBL สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจรายใหญ่และกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารยังคงมีโครงสร้างเครดิตที่ดีกว่าและมีความสามารถในการรองรับผลกระทบเชิงลบที่มากกว่าธนาคารอื่น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันเชิงลบต่ออันดับเครดิตในช่วงระยะเวลา 12-18 เดือนข้างหน้า

BBL มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยในฐานะที่ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดลูกค้าเงินฝาก 17% ณ สิ้นปี 2562 ฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารหากจำเป็น  เนื่องจากมีบทบาทในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบของประเทศไทย