“มนตรี” เตรียมส่งหนังสือถึง “ตลท.-ก.ล.ต.” หารือผลกระทบใช้หุ่นยนต์และ AI ซื้อขายหุ้น ทำตลาดผิดปกติ พร้อมระบุสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่พันข่าวทุบ SUPER แล้ว
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (MBKET) เปิดเผยว่า เตรียมยื่นหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอหารือผลกระทบจากการใช้หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากระบบดังกล่าวทำให้การซื้อขายผิดปกติ และเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อยที่เป็นมนุษย์
“ผมจะขอหารือกับทางการถึงผลกระทบจากการใช้หุ่นยนต์หรือ AI ที่แฝงตัวเข้ามาซื้อขายหุ้น เพราะระบบนี้ไม่เป็นธรรมกับนักลงทุนรายย่อยที่เป็นมนุษย์ เช่นที่ผ่านมาเราเห็นคำสั่งซื้อคำสั่งขายหุ้น 3 วินาทีต่อครั้ง และแค่ 3 นาที มีการซื้อขายหุ้นไปแล้ว 10 รอบ ด้วยคำสั่งซื้อขายหุ้นในจำนวนเท่าเดิมและในราคาเดิม อีกทั้งเมื่อมีแรงซื้อก็จะมีการดันราคาหุ้นขึ้นสูงจนผิดปกติ แต่พอมีสัญญาณขายก็เทขายกดราคาหุ้นจนต่ำ ซึ่งอย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้น”นายมนตรีกล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า ปีนี้ MBKET จะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดให้อยู่ที่ 7% และรักษารายได้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว หลังส่วนแบ่งตลาดของบริษัทลงมาอยู่ที่อันดับ 2 เนื่องจากสูญเสียเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนหลายร้อยคนและพอร์ตลูกค้าหลายพันล้านบาทไปเมื่อต้นปีที่แล้ว โดยบริษัทจะเร่งหารายได้จากธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธุรกิจ private wealth ธุรกิจตราสารอนุพันธุ์ และตราสารหนี้ เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปและการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมที่รุนแรงขึ้น
“บริษัทกำลังทำ IPO นำหุ้นเข้าตลาดปีนี้ 5-7 ตัว น่าจะรับรู้รายได้บางส่วนไตรมาส 2 และบริษัทกำลังทำดีลการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ หรือ M&A อีก 3-4 ดีล ซึ่งมูลค่าก็หลักหมื่นล้านบาท แต่ค่าธรรมเนียมคงไม่ได้ไม่มาก ซึ่งเราจะพยายามสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นๆมาทดแทนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่หายไป”นายมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ของ MBKET รายหนึ่งได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีหุ้น SUPER ที่ร่วงลงติดฟลอร์นั้น บริษัทได้ตักเตือนและลงโทษเจ้าหน้าที่รายนั้นไปแล้ว ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท และส่วนตัวไม่เห็นว่าการส่งข้อความเกี่ยวกับหุ้น SUPER ดังกล่าว ไม่ได้ทำให้ตลาดเกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด