HoonSmart.com>>บล.ไทยพาณิชย์คาดหุ้นสัปดาห์นี้ยังคงผันผวนสูง นักลงทุนระยะสั้นยังไม่ควรเข้า ส่วนนักลงทุนถือยาวเกิน 1 ปี เลือกสะสมหุ้น แนะนำ BTSGIF ราคาต่ำกว่าพาร์ สัปดาห์นี้ลงต่อ ตกใจจำนวนผู้โดยสารเดือนก.พ.อ่อนแอ มองเป็นเหตุการณ์ช่วงสั้น ถือรอรับเงินต้นคืน และปันผลระหว่างทาง 9% ส่วนพันธบัตรรัฐบาล ไม่น่าสน ผลตอบแทนต่ำเกินไป ควรลงทุน REITs/IFF ทองคำ กระจายความเสี่ยงยามดอกเบี้ยต่ำ
บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS ) วิเคราะห์การลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์ที่จะถึง (16-20 มี.ค.2563) ตลาดหุ้นโลกเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear market) ลดลงมากกว่า 20% นับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. 2563 และตลาดการเงินโลกเกิดวิกฤตความเชื่อมั่นแล้ว(Confidence crisis) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 เดือน แต่ภาคธุรกิจจะเริ่มปรับตัวได้ ส่วนสงครามราคาน้ำมันผู้ผลิตทุกรายได้รับผลกระทบหมด คงต้องกลับมาเจรจาในที่สุด
นักลงทุนต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ตลาดมองว่าน่าจะมีมติปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.75-1.00% รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสและมาตราการช่วยเหลือตลาดทุน ตั้งกองทุนพยุงหุ้น
ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นควรรอดูสถานการณ์ แม้ราคาหุ้นส่วนใหญ่เริ่มต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน แต่ความไม่แน่นอนอาจทำให้ราคาผันผวนสูง
สำหรับนักลงทุนระยะยาวมากกว่า 1 ปีขึ้นไป สามารถเริ่มเลือกซื้อสะสมได้ในหุ้นปันผล หุ้นที่มีกิจการมั่นคงได้ ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลขณะนี้ต่ำเกินไปจึงไม่แนะนำ แต่ยังคงลงทุนใน REITs/IFF ทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงในภาวะดอกเบี้ยต่ำ
“สัปดาห์นี้ BTSGIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท) จะมีการรายงานตัวเลขผู้โดยสารเดือนก.พ. คาดว่าจะอ่อนแอ จึงอาจเห็นการปรับตัวของราคาหุ้นอีกรอบ เราแนะนำให้ใช้จังหวะนี้ทยอยสะสม ปัจจุบันราคาหุ้นต่ำกว่าพาร์ที่ 10 บาท ประมาณ 27.5% หมายความว่า ราคานี้ซื้อเพื่อเอาเงินต้นจากการคืนทุนก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว ยังไม่รวมเงินปันผลที่ควรได้ระหว่างทางอีกอย่างน้อยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลสูงถึง 9% “บล.ไทยพาณิชย์ระบุ
BTSGIF เข้าลงทุนในรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่ได้รับจาการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักเป็นระยะทาง 23.5 กม. (ประกอบด้วย 2 สาย คือหมอชิต-อ่อนนุช และ สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน) โดยสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักจะหมดอายุในวันที่ 4 ธ.ค. 2029 ไตรมาส 3 (ก.ย.-ธ.ค. 62) BTSGIF มีกำไร 1,000 ล้านบาท เติบโต 432% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 208 ล้านบาทจะมีกำไรปกติ 1,380 ล้านบาท เติบโต 5% จากรายได้ค่าโดยสารตามจำนวนเที่ยวการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดส่วนต่อขยายสายสีเขียว (สำโรง-เคหะ และ หมอชิต-ห้าแยกลาดพร้าว)
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้จำนวนผู้โดยสารชะลอตัวลง กดดันให้ราคาหุ้นลง 27% มองว่าเป็นการปรับตัวลงแรงเกินไป แม้ฝ่ายวิจัย SCBS มีโอกาสปรับลดประมาณการจากผลกระทบจากไวรัส แต่คาดเป็นผลกระทบระยะสั้นๆ ปัจจุบันภายใต้ประมาณการเดิมยังคงคาดปี 2563 BTSGIF จะมีกำไรปกติ 4,690 ล้านบาท เติบโต 3.7% และปีหน้า เติบโต 25.4% จากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ พร้อมประเมินราคาเป้าหมายหุ้นละ 11 บาท คาดเงินปันผลจ่ายปี 2564 หน่วยละ 0.80 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลปีละ 11.1% ส่งผลให้ผลตอบแทนโดยรวมมีความน่าสนใจเมื่อเที่ยบกับความเสี่ยงที่คาดเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ
อ่านข่าว
ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 1,900 จุด ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินพร้อมอัดฉีดเงิน
บล.กสิกรไทยคาดดัชนีไม่หลุด1,000 จุด ลุ้นไส้ในกองทุนพยุงหุ้น-เฟด-บีโอเจ
