BH เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 สูงสุด พร้อมเปิดสายด่วนปรึกษาแพทย์

HoonSmart.com>>บำรุงราษฎร์ ชูบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” ปรึกษาแพทย์ บริการส่งยา-เจาะเลือดถึงบ้าน พร้อมเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาขั้นสูงสุด (COVID – 19)

อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามีทีมทำงานที่เป็นฝ่ายควบคุมโรคและศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยติดตามสถานการณ์โรคต่างๆ ทั่วโลก และทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องด้วยเป็นโรงพยาบาลระดับสากลที่มีผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและต่างชาติด้วยสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน มีการประชุมเพื่อหาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ บำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงความจำเป็นกรณีเจ็บป่วยและมีนัดหมายกับแพทย์ แต่ด้วยผู้ต้องการมาใช้บริการส่วนหนึ่ง อาจยังไม่พร้อมที่จะเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลในช่วงนี้ โรงพยาบาลจึงได้เปิดบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” เพื่อมารองรับการดูแลผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว โดยผู้ต้องการใช้บริการสามารถโทรผ่านสายด่วน 1378 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการรับสายตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน  สามารถคุยกับแพทย์ได้โดยตรง ครั้งละไม่เกิน 15 นาที ส่งยาตรงถึงบ้าน จัดส่งยาหลังจากปรึกษาแพทย์และจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์  บริการเจาะเลือดที่บ้านตามใบสั่งแพทย์ เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์ยังได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกมาตรการการเฝ้าระวังสถานการณ์และตรวจคัดกรองไวรัสโควิด–19 ขั้นสูงสุด ซึ่งเทียบได้ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) และยังมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยปรับการบริหารจัดการตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง

ผศ.นพ. วิชัย เตชะสาธิต

ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า “เนื่องด้วยโรงพยาบาลมีห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และที่สำคัญมีทีมแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ที่ชำนาญการสามารถถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกต้องตามหลักการประเมินมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล บำรุงราษฎร์จึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งในระดับประเทศ และได้รับใบประกาศนียบัตรให้เป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับมาตรฐานสากล

สืบเนื่องจากการรับรองให้บำรุงราษฎร์เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งที่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้นั้น ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และเดินทางมาเพื่อขอตรวจไวรัสโควิด-19 ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็น ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต ขออธิบายว่า

การตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเองนั้น ต้องขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายสงสัยระดับปานกลางและในระดับสูงที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีความจำเป็นในการตรวจเท่านั้น เนื่องด้วยปัญหาที่พบคือ จำนวนชุดตรวจที่ใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของห้องปฏิบัติการเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนจำกัดอย่างมาก จึงจำเป็นต้องสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่น่าสงสัยเท่านั้น

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการขาดแคลนของชุดตรวจในยามจำเป็น จึงขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่หน่วยงาน บริษัทต่างๆ รวมถึงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เนื่องด้วยที่ผ่านมา พบว่าบางคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีความต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้ที่ยังไม่มีไข้ ไม่มีอาการแล้วมาตรวจแล็บ ซึ่งผลตรวจในขณะนั้นจะออกมาเป็นลบ (Negative) แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะผ่านพ้นระยะฟักตัวจนครบ 14 วันไปแล้ว คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ เมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้แยกตัวเฝ้าสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน ใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก หรือออกไปในที่ชมุชน หรือพบปะผู้คน กินอาหารปรุงสุก ยึดหลักสุขอนามัยพื้นฐานง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เป็นต้น และหากเริ่มมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางตามความเป็นจริง