HoonSmart.com>>หุ้นเอเชียปักหัวลง ไทยร่วง 1.68% นักลงทุนหาเหตุทิ้งหุ้นไฟฟ้า ตื่นมาตรการลดค่าไฟฟ้า 3% ระยะเวลา 3 เดือน บีกริมยันติดลบเพียง 16 ล้านบาท กัลฟ์ฯ ประมาณ 50 ล้านบาท แค่ 1.02% ของกำไร 4,887 ล้านบาทปีก่อน แถมยังได้ต้นทุนก๊าซถูกลงตามน้ำมันหนุน ดีบีเอสฯเผยตลาดยังมีเสี่ยง P/E ต่ำ แต่ยังลงได้อีก แนะหุ้นปันผลเกิน 4% LH – AP- BBL-TISCO-TCAP- AMATA – ADVANC – PTT บล.ทิสโก้ ทยอยสะสม ไม่ต้องรีบ ก.ล.ต.คาดกองทุน SSF พิเศษเสนอขายได้ 1เม.ย. ธนาคารกลางอังกฤษอัดฉีดเงินเข้าระบบ-ลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5% สหรัฐผิดนัดไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันที่ 11 มี.ค.2563 ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง หุ้นไทยปิดที่ 1,249.89 จุด -21.36 จุด หรือ 1.68% ต่างชาติขายต่อ 3,925 ล้านบาท พอร์ตบล.ผสมโรง 1,034 ล้านบาท นักลงทุนไทยซื้อกลุ่มเดียว 5,091.50 ล้านบาท
ดัชนีกลุ่มพลังงานร่วง 1.81% ปิดที่ 17,667 จุด แม้ว่าราคาน้ำมันดิบเด้งขึ้นหนุนหุ้นพลังงานฟื้น แต่เจอแรงขายหุ้นไฟฟ้าร่วงยกแผง นำโดยบริษัทบี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ดิ่งมากที่สุด 13.29% ปิดที่ 37.50 บาท บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ทรุด 10% ปิดที่ 151.50 บาท GPSC ติดลบ 8.40% ปิดที่ 57.25 บาท เพราะกังวลผลกระทบที่จะได้รับจากมาตรการลดค่าไฟฟ้า 3% ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.2563) โดยตรึงอัตราค่าเอฟที (Ft) เดือนพ.ค.ในอัตรา -11.60 สตางค์ต่อหน่วย
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผย HoonSmartว่า บริษัทจะติดลบเพียง 16 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากยอดขายส่วนใหญ่ประมาณ 70% ขายตรงให้กับกฟผ. ส่วนราคาขายไฟให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมก็มีดัชนีในการคำนวณ และที่สำคัญ บริษัทจะได้รับประโยชน์มากกว่า จากต้นทุนราคาก๊าซที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ แต่ราคาหุ้น BGRIM กลับปรับตัวลงแรงเกินไป
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างไม่มีนัยสำคัญ หรือประมาณ 50 ล้านบาท คิดเป็น 1.02% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 4,887 ล้านบาทในปี 2562
นอกจากนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มจะปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก จะส่งผลให้ต้นทุนค่าก๊าซซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักของโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ ลดลงด้วยเช่นกัน เป็นผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ
ฝ่ายวิจัยบล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองในเชิงลบเล็กน้อย คาดว่าไม่ได้กระทบส่วนของการขายไฟฟ้า IPP และ SPP ที่ขายให้ กฟผ.แต่จะส่งผลทางอ้อมให้ราคาขายให้กับอุตสาหกรรมลดลง ในขณะที่ต้นทุนก๊าซปรับลงไม่ทัน
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)คาดผลกระทบไม่รุนแรงต่อบริษัทในกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GULF เพราะราคาที่ขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรมจะถูกคำนวณจากค่า Ft ซึ่งรัฐบาลตรึง และค่าเชื้อเพลิงที่ลดลง จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่ม 38 ล้านบาท/ไตรมาส เช่นเดียวกับ GPSC คาดเมื่อราคา LNG ลดลงจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท/ไตรมาส มาชดเชยผลกระทบจากการลดค่าไฟ 3 เดือน
นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 10 มี.ค. 2563 ดัชนีหุ้นติดลบ 20% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงานปรับตัวลงแรงถึง 28% โดยรวมตลาดซื้อขายที่ระดับ P/E 14.7 เท่า ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 แต่ยังไม่ใช่ต่ำสุด ที่ผ่านมาเคยเทรดต่ำกว่า 10 เท่า เช่นตอนเกิดเหตุการณ์สำคัญ น้ำท่วมใหญ่ วิกฤตเศรษฐกิจ เลห์แมน บราเธอร์ส หากไวรัสโควิด-19 ควบคุมได้ภายในครึ่งปีแรก หรือมีวัคซีนออกมาเร็ว จะทำให้ P/E ไม่ลดลงไปต่ำจนเป็นตัวเลขหลักเดียว
“หุ้นถูก แต่ยังไม่ถูกมาก ต้องหาหุ้นใหญ่ พื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลสูงเกิน 4% แนะนำ LH และ AP อัตราผลตอบแทนปันผล 7% ให้ราคาเป้าหมาย 10.40 บาทและ 8.20 บาทตามลำดับ ส่วนหุ้นที่ให้ปันผล 5 % ได้แก่ BBL, TISCO, TCAP และปันผล 4% เลือก AMATA ผู้นำนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจสาธารณูปโภค ปัจจุบันมีที่ดินกว่า 1 หมื่นไร่ใน EEC มีนิคมฯในเวียดนาม , ADVANC ผู้นำธุรกิจ และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ PTT ทำธุรกิจครบวงจรที่สุดในกลุ่มพลังงาน เชื่อว่าทุกบริษัทจะสามารถข้ามผ่านแรงกดดันในช่วงนี้ไปได้ ให้ปันผลสม่ำเสมอ”
บล.ทิสโก้เผยกลยุทธ์ แนะทยอยสะสมแบบแบ่งซื้อ ไม่รีบร้อน เน้นการซื้อแบบสม่ำเสมอนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ลงซื้อ-ขึ้นขาย เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง และต้องมีวินัยการลงทุนสูง เลือกหุ้นที่มีประเด็นน่าสนใจ เช่น BAM หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่คาดจะเป็นเป้าลงทุนหลักของ SSF พิเศษ อาทิ PTT, AOT, CPALL, KBANK, BDMS, SCC, CPF นอกจากนี้ FTSE ทบทวนดัชนีมีผล 20 มี.ค. ปรับจากขนาดกลางเป็นขนาดใหญ่ GPSC, BTS ส่วน SAWAD ได้ปรับขึ้นจากขนาดเล็กขึ้นระดับกลาง ขณะที่ THAI ปรับจากขนาดกลางลงขนาดเล็ก และเข้าใหม่ขนาดเล็ก CPNREIT, FTREIT, COM7, TQM
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยว่า ได้อนุมัติแผนงานหลัก เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ร่วมกับ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลออกพันธบัตรที่มีมูลค่าแค่หน่วยละ 1 บาทได้ แต่แนวทางปฏิบัติคงจะออกหน่วยละ 100 บาท ไม่ต้องมีเงินออมมากมายก็สามารถซื้อพันธบัตรได้
ส่วนการออกประกาศ กองทุน SSF พิเศษ คาดว่าจะมีผลวันที่ 16 มี.ค. และคาดว่าจะเสนอขายได้วันที่ 1เม.ย.2563 นี้
ด้านต่างประเทศ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ยังคงออกมาตรการดูแลผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ลดดอกเบี้ยนโยบายฉุกเฉินลง 0.50% และได้ประกาศมาตรการปล่อยกู้ที่มีแรงจูงใจเพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ดอกเบี้ยต่ำใกล้ดอกเบี้ยนโยบายระยะ 4 ปี และประกาศลดสัดส่วนเงินกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงมาอยู่ที่ 0% ส่งผลให้ ตลาดหุ้นสหราชอาณาจักร FTSE 100 ปรับขึ้น 2% อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีเพิ่มขึ้น 0.04%และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น ตลาดเพิ่มการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป( ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพรุ่งนี้เช่นกันที่ 0.10%
ส่วนดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลงมากกว่า 500 จุด จากวันก่อนหน้าพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุด เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ประกาศไว้