PTT หวังกำไรดีขึ้นปี’ 63 ปันผลสูง-ทุ่มลงทุนดันจีดีพี

HoonSmart.com>>”ชาญศิลป์” ยันปตท.เป็นหุ้นยั่งยืน หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ แผน 5 ปี ทั้งกลุ่มตั้งงบลงทุนเกือบ 9 แสนล้านบาท ช่วยเพิ่มจีดีพี 0.2-0.3% ปี 62 จ่ายเงินปันผลสูง  62.5% ของกำไรสุทธิ ผู้ถือหุ้นมากกว่า 1.3 แสนรายมีเงินจับจ่ายใช้สอย รวมส่งเงินเข้ารัฐกว่า 7 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางธุรกิจที่มีสเปรดที่แคบลง กลุ่มปตท.รวมพลังและใช้ดิจิทัล เร่งสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ มุ่งห่วงโซ่ธุรกิจก๊าซสู่ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ลงทุนในนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ส่วนผลงานในปี 2563 หวังว่าจะดีขึ้น ปริมาณการผลิตเพิ่ม ค่าการกลั่น-สเปรดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 จะดีขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 92,951 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทลูกมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากเข้าซื้อกิจการหลายแห่ง ทั้ง PTTEP และ GPSC ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นไม่มีแผนการปิดซ่อมบำรุงใหญ่เหมือนปีที่ผ่านมา รวมถึงอัตรากำไรหรือมาร์จิ้นดีขึ้น จากค่าการกลั่น (GRM) และส่วนต่าง (สเปรด) ปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำมากในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาแล้ว คาดราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากเฉลี่ย 63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คาดว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 2 น่าจะคลี่คลาย คงไม่ซึมยาว

” ปี 2563 ยังเป็นปีที่ท้าทาย และปตท.ให้ความสำคัญที่กำไรมากกว่ายอดขาย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมาย ต้องแสวงหาโอกาสในการขยายการลงทุน และเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ ภายใต้ธุรกิจที่มีสเปรดแคบลง” นายชาญศิลป์กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ตามแผนการลงทุน 5 ปี (2563-2567) ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น มุ่งขยายการเติบโตจากก๊าซธรรมชาติและลงทุนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจก๊าซสู่ไฟฟ้า (Gas to Power) โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน แต่ยังไม่สรุปว่าไฟฟ้าจะลงทุนในประเทศใด พร้อมดำเนินธุรกิจ LNG ครบวงจร เพื่อเป็นผู้เล่นระดับโลก

ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายยังอยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่องในอีก 2-3 ปี จากความต้องการใช้และราคาผลิตภัณฑ์ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงต้องเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทลูกทั้ง บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) บริษัทไทยออยล์ (TOP) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จากปีที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 2.97 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้ยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด สร้างพลังของกลุ่ม ผ่านโครงการ Project One ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ การรวมการขายสินค้าล็อตใหญ่ นอกจากนี้กลุ่มยังจะมีการขยายการลงทุนในนวัตกรรมและธุรกิจใหม่  ผ่านการร่วมทุนหรือซื้อกิจการในธุรกิจพลังงานใหม่ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนทันที

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ตามแผน 5 ปี ปตท.และบริษัทที่ปตท.ถือหุ้น 100% มีวงเงินลงทุนรวม 180,814 ล้านบาท เมื่อรวมทั้งกลุ่มสูงเกือบ 9 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 0.2-0.3% นอกจากนี้ในปี 2562 บริษัทปตท.มีกำไร 92,951 ล้านบาท ลดลง 22% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามคาด และโครงสร้างกำไรเริ่มสมดุล แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2 เท่ากับปีก่อน คิดเป็นอัตรา 62.5% ของกำไรสุทธิ สูงกว่าปีก่อนๆ ที่จ่าย 40-50% ในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพื่อต้องการให้ผู้ถือหุ้นของปตท.ประมาณ 130,000 คนมีเงินจับจ่ายใช้สอย  ซึ่งกระทรวงการคลัง กองทุนวายุภักษ์ได้รับเป็นส่วนใหญ่ เมื่อรวมถึงภาษีต่างๆ  ปตท.ส่งเงินเข้ารัฐจำนวน 70,259 ล้านบาท ปัจจุบัน ทั้งกลุ่มปตท. มีผู้ถือหุ้นที่เป็นกองทุน และนักลงทุนรายย่อยรวมกันประมาณ 350,000 ราย ทั้งนี้นับกองทุนเป็น 1 ราย ขณะที่มีผู้ถือหน่วยจำนวนมาก

กรณีคณะทำงานย่อยของคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม เสนอให้ปรับสูตรราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์/ลิตร จากการลดค่าพรีเมียมนั้น นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน และไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่มีข่าวออกมา เพราะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และหารือกับทุกฝ่าย ธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขัน และวัดด้วยการแข่งขัน ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของผู้ซื้อและผู้ขายที่จะอยู่ได้ในระยะยาว ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่อยู่ในระดับต่ำขณะนี้ เป็นโอกาสที่จะนำเข้า LNG จากตลาดจร (spot) เข้ามาเพิ่มเติมจากสัญญาระยะยาวที่มีอยู่ 5.2 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะนำเข้ารวมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งหมด 2-5 ลำเรือ ในปีนี้

สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติยานยนต์ (NGV) อยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐ หากรัฐบาลต้องการสนับสนุนการใช้ NGV อยู่ ก็ควรจะปล่อยให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่อยู่สูงกว่าราคาปัจจุบันราว 0.80-1 บาท/กิโลกรัม ขณะนี้ราคาขายปลีก NGV อยู่ที่ 15.31 บาท/กิโลกรัม และปตท.ยังคงแบกรับราคา NGV ที่จำหน่ายให้กับรถสาธารณะที่มีราคาต่ำกว่าราคาขายปลีกด้วย รวมภาระทั้งสิ้น 300 ล้านบาท/เดือน

นางอรวดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัทปตท. กล่าวว่า กลุ่มปตท.มีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 9 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปี โดยประมาณ 60% เป็นการลงทุนในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 30-40% เป็นการลงทุนในต่างประเทศ

อ่านข่าว

คอลัมน์แน่งน้อยร้อยเรื่องลงทุน : กลุ่มปตท.น่าช้อป? กำไรรวม 1.62 แสนล้าน -25% ปี 62