FTE เปิดสาขาระยอง ขยายฐานลูกค้าโรงงาน-นิคมอุตสาหกรรม เดินหน้ารับงานและรับรู้รายได้ทันทีในเดือนมิ.ย. เผยแนวโน้ม Q3/61 เร่งประมูลงานภาครัฐ-เอกชนเพิ่มชดเชยโครงการล่าช้า รักษา Backlog 350 ล้านบาท คาดรายได้ปีนี้โต 10% แตะ 1 พันล้านบาท
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดให้บริการสาขาระยองภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยมีแผนขยายฐานการเข้ารับงานติดตั้งระบบดับเพลิงโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์สำนักงาน และเริ่มเจรจากับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม คาดว่าจะสามารถรับงานและรับรู้รายได้ทันที เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ได้มีการเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการกับลูกค้าบางส่วนแล้ว
อย่างไรก็ตามตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงในภาคตะวันออกมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าการที่ FTE มีอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญงานระบบดับเพลิงทุกรูปแบบเป็นอย่างดี จะส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้รับเหมาและผู้ประกอบการในการใช้บริการ
“บริษัทเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมภาคตะวันออก จากปัจจัยสนับสนุนในอนาคตของโครงการ EEC ที่จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางถนน รถไฟ ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม และอาคาร ซึ่งมีความจำเป็นในการติดตั้งอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงในทุกที่ การเปิดสาขาดังกล่าวจะสามารถให้บริการลูกค้าทั้งในส่วนของงานรับเหมาและจำหน่ายอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว”นายทักษิณ กล่าว
สำหรับช่วง Q1/61 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากโครงการที่ล่าช้าและค่าเงินบาทที่ผันผวน และคาดว่าผลกระทบจากค่าเงินจะส่งผลต่อเนื่องมายัง Q2/61 เล็กน้อย และปัญหาดังกล่าวจะกลับสู่ภาวะปกติได้ใน Q3/61 ขณะเดียวกันบริษัทได้เร่งการยื่นประมูลงานโครงการออกแบบ-ติดตั้งระบบดับเพลิงของทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเข้าเสนองานกับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม เพื่อชดเชยโครงการที่มีความล่าช้า คาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลในช่วง Q3/61 นี้
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 110 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 240 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ 60% ส่งผลให้รายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,080 ล้านบาท