บล.เอเซียพลัส เตือนแบงก์ที่มีสินเชื่อบ้าน ทะเบียนรถยนต์สูงเสี่ยง เหตุทางการขอให้ปรับวิธีบันทึกบัญชีลูกหนี้ กระทบรายได้ดอกเบี้ย และเอ็นพีแอลเพิ่ม เหมือน TISCO ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ส่วน MTC และ SAWAD ไม่น่าห่วง
น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า หุ้นธนาคารพาณิชย์ ยังมีความเสี่ยง เรื่องรายได้ดอกเบี้ยลดลง หนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธนาคารที่มีลูกหนี้สินเชื่อบ้าน สินเชื่อทะเบียนรถยนต์และลูกหนี้ที่จัดชั้นพิเศษสูง เนื่องจากทางการขอให้ปรับวิธีบันทึกบัญชีลูกหนี้ กรณีลูกหนี้ที่ผ่อนชำระไม่สม่ำเสมอ จากเดิมเมื่อนำเงินมาชำระหนี้ แบงก์จะนำไปตัดดอกเบี้ยส่วนที่ค้างก่อน ทำให้เงินต้นไม่ลดลง ตั้งแต่งบไตรมาส 4/2561 เหมือนกรณีบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)
“แบงก์ที่มีสินเชื่อบ้านจำนวนมาก ได้แก่ แบงก์ทหารไทย แบงก์กรุงไทย ส่วนแบงก์กรุงศรีอยุธยามีสินเชื่อบ้านและทะเบียนรถยนต์จำนวนมาก ซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยลดลงและเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น แต่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 4/2561 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมองว่าแบงก์ยังต้องใช้เวลาในการจัดำระบบรองรับบัญชีแบบใหม่ คาดว่าจะมีผลประมาณ 1 ปีครึ่ง”น.ส.อุษณีย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล ( MTC ) และบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ( SAWAD ) ออกมามากในวันนี้ นางอุษณีย์ กล่าวว่า ทั้งสองบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากได้บันทึกบัญชีในการตัดเงินต้นให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้รายได้กับเอ็นพีแอลปกติ ทั้งนี้บล.เอเซีย พลัส ให้ราคาตามมูลค่าที่เหมาะสม MTC อยู่ที่ 56 บาท และ SAWAD อยูที่ 55 บาท
ทั้งนี้ วิธีการบันทึกบัญชีแบบเก่า กรณีลูกค้าจ่ายเงินชำระค่างวดมาต่อเนื่อง พองวดที่ 4 ไม่จ่ายและมาจ่ายในงวดที่ 6 บริษัทฯ ก็จะนำเงินจากงวดที่ 6 ไปตัดดอกเบี้ยในงวดที่ 4 และ 5 ทำให้เงินต้นไม่ได้ลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เพราะเงินต้นถูกคำนวณจากฐานเงินต้นเดิม โดยวิธีบันทึกบัญชีแบบใหม่ให้นำเงินที่ลูกค้าชำระไปตัดเงินต้นด้วย ไม่ใช่ชำระแต่ดอกเบี้ยค้างจ่าย
ด้านราคาหุ้น MTC ถูกเทขายออกมาตั้งแต่เปิดตลาดเช้า ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายหนาแน่น โดยราคาหุ้นร่วงไปลึก 42.50 บาท ลดลง 3.50 บาท และมีแรงซื้อเข้ามารับ ราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิด 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.54 % มูลค่าซื้อขาย 1,745.97 ล้านบาท หลังจากผู้บริหารบริษัทฯ ออกมายืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการ
ด้านราคาหุ้น SAWAD ก็มีแรงขายออกมาเช่นกัน ราคาหุ้นลงไปต่ำสุด 45 บาท ลดลง 1.75 บาท และปิดที่ 46 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.60 % มูลค่าซื้อขาย 608.89 ล้านบาท
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้น MTC ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เกิดจากความกังวลว่าบริษัทฯ อาจต้องมีการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินบางแห่ง และทำให้ต้องมีการกันสำรองฯมากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวขอยืนยันว่า ทาง MTC ได้บันทึกการลงบัญชีโดยนำเงินค่างวดไปตัดเงินต้นและดอกเบี้ยค้างจ่ายพร้อมกันตามเกณฑ์ของ ธปท.อยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการรับรู้รายได้และดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้นทาง MTC จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดชั้น ลูกหนี้ NPL ใหม่แต่อย่างใด
อ่านประกอบ