HoonSmart.com>> ก.ล.ต.ทิ้งทวนปี 68 กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 คดี ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น “COMAN” พบ 9 รายกระทำผิด ด้าน “SA” เจอ 8 รายร่วมปั่นหุ้น และ OTO อีก 18 ราย พร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
“เชือด 9 รายปั่นหุ้น COMAN”
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 9 ราย ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัท โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (COMAN) และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเดือนก.พ.และต.ค. ปี 2566 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 9 ราย ได้แก่ (1) นายนิธิศ ศิลมัฐ (2) นางสาวภัทชนก ธนฤทัยโรจน์ (3) นายพัสกร ศิลมัฐ (4) นางสาวชญาดา สุขกสิ (5) นางสุภา วงค์อนุ (6) นายวสวรรธน์ ประเสริฐศิลป์ (7) นายเกียรติศักดิ์ เจริญสุข (8) นายปานพงศ์ คิดรักเมือง และ (9) นายวินัย วังเป็ง ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านส่วนบุคคล ทางการเงิน และการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้น COMAN ระหว่างวันที่ 23 – 24 พ.ย.2565 (รวม 2 วันทำการ) ระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. 2565 – 27 ม.ค.2566 (33 วันทำการ) และระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 13 ก.ค. 2566 (12 วันทำการ)
ผู้ร่วมกระทำความผิดมีพฤติกรรม เช่น ส่งคำเสนอซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น ครองคำเสนอซื้อ (bid) ในหลายระดับราคาเพื่อขัดขวางการซื้อขายของผู้ลงทุนอื่น ทำให้ผู้ลงทุนอื่นต้องเคาะซื้อในราคาที่สูงขึ้น จับคู่ซื้อขายกันโดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในราคา ปริมาณ และเวลาใกล้เคียงกัน ควบคุมราคาเปิดและปิดด้วยการส่งคำสั่งซื้อหรือขายช่วงก่อนเปิดทำการซื้อขาย (Pre-open) และก่อนปิดทำการซื้อขาย (Pre-close) ในลักษณะที่ส่งผลกระทบต่อราคาที่คาดว่าจะเปิดหรือปิด (Projected price) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น จึงทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น COMAN ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ทั้งนี้ความผิดเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบบทสันนิษฐาน 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ตามแต่กรณี ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดทั้ง 9 ราย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และได้รายงานต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว
“กล่าวโทษ 8 ราย ปั่นหุ้น SA”
ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2565 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม พบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 8 ราย ได้แก่ (1) นายบุญเอื้อ จิตรถนอม (2) นางสาวกิตติยา อุทกโยธะ (3) นายภิญโญ รุขพันธ์เมธี (4) นายภาคภูมิ เติมเสรีกุล (5) นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ (6) นายสถาพร โพธิ์ทอง (7) นายสุวิทย์ ชีวะธรรม และ (8) นายพงศ์ภัทร ชีวะธรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านส่วนตัว ทางเงิน และด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท ไซมิส แอสเสท (SA) ในระหว่างวันที่ 29 ก.ค. 2564 – 31 มี.ค. 2565 (รวม 167 วันทำการ)
สำหรับพฤติกรรมของผู้ร่วมกระทำความผิด เช่น ส่งคำสั่งซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น ครองคำเสนอซื้อ (bid) ในหลายระดับราคาเพื่อขัดขวางการซื้อขายของผู้ลงทุนอื่น ทำให้ผู้ลงทุนอื่นต้องเคาะซื้อในราคาที่สูงขึ้น ควบคุมราคาเปิดและปิด ด้วยการส่งคำสั่งซื้อหรือขายในช่วงก่อนตลาดเปิดทำการซื้อขาย (Pre – open) และปิดทำการซื้อขาย (Pre-close) ที่ส่งผลกระทบต่อราคาที่คาดว่าจะเปิดหรือปิด (Projected price) ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น SA และทำให้ราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น SA ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
การกระทำของกลุ่มผู้กระทำผิดทั้ง 8 ราย เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบบทสันนิษฐานมาตรา 244/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (แล้วแต่กรณี) ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดทั้ง 8 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งการดำเนินการต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว
“กล่าวโทษ 18 ราย ปั่นหุ้น OTO”
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2565 – 2566 และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม พบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลรวม 18 ราย ได้แก่ (1) นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ (2) นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ (3) นางสาวรฐา วีระพงษ์ (4) นายภาคภูมิ เติมเสรีกุล (5) นายบุญเอื้อ จิตรถนอม (6) นางสาวกิตติยา อุทกโยธะ (7) บริษัท เน็กซ์ ทู แคปปิตอล (ปัจจุบัน คือ บริษัท เวลท์ พลัส โฮลดิ้ง ) (8) นายภิญโญ รุขพันธ์เมธี (9) นายอมรเทพ วัชรพฤกษาดี (10) นายอาดาม อินสว่าง (11) นายปฏิพล ประวังสุข (12) นายชยานนท์ เชาวกิจเจริญ (13) นายสถาพร โพธิ์ทอง (14) นายสุวิทย์ ชีวะธรรม (15) นายบุญเลิศ เอี้ยวพรชัย (16) นางสาวณัฐกมล น้ำแก่ง (17) นายพงศ์ภัทร ชีวะธรรม และ (18) นายชัยวัฒน์ พิทักษ์รักธรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านส่วนตัว ทางเงิน และด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันหรือสนับสนุนกันในการสร้างราคา และ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) ในระหว่างวันที่ 13 ก.ค. 2564 – 3 พ.ค. 2566 (รวม 438 วันทำการ)
ผู้กระทำความผิดมีพฤติกรรม เช่น ส่งคำสั่งซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น การเคาะซื้อด้วยหุ้นปริมาณน้อยเพื่อกระตุ้นตลาด ครองคำเสนอซื้อ (bid) เพื่อขัดขวางการซื้อของผู้ลงทุนอื่น ทำให้ผู้ลงทุนอื่นต้องส่งเคาะซื้อในราคาที่สูงขึ้น รวมถึงมีการส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายระหว่างกัน ด้วยปริมาณ ราคา และช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และควบคุมราคาปิดด้วยการส่งคำสั่งซื้อหรือขายในช่วงก่อนตลาดปิดทำการซื้อขาย (Pre – close) ที่ส่งผลกระทบต่อราคาที่คาดว่าจะปิด (Projected price) ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น OTO และทำให้ราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหุ้น OTO ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
การกระทำของกลุ่มผู้กระทำผิดทั้ง 18 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบบทสันนิษฐานมาตรา 244/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบบทสันนิษฐานของมาตรา 244/5 ประกอบมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (แล้วแต่กรณี) ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดทั้ง 18 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งการดำเนินการตามข้างต้นต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาต่อไปเป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว
อ่านข่าวอื่นๆ: https://hoonsmart.com/archives/396608
