HoonSmart.com>>”บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น” ปักธงปี 69 ดันสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำ (AUA) แตะ 3 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ 1.8 หมื่นล้านบาท ยกระดับบริการผ่าน AI ช่วยวิเคราะห์ Multi-Asset ได้ทันทุกเหตุการณ์ เตรียมส่ง Structured Note เพิ่มความหลากหลายการลงทุนในช่วงต้นปี 69 พร้อมแนะจัดพอร์ตลงทุนลดหุ้นเทคสหรัฐฯ เข้ากลุ่มไฟแนนซ์ เฮลธ์แคร์ หุ้นยุโรป-ญี่ปุ่น ตลาดเกิดใหม่ ส่วนหุ้นไทยมองเป้าดัชนี 1,300-1,350 จุด หากเลือกตั้งล่าช้าหวั่นกระทบงบประมาณฉุดหุ้นร่วง

นายพงศกร พูนพิเชฐธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำ (AUA) ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาทและมีฐานบัญชีลูกค้าประมาณ 20,000 บัญชี โดยมีการเติบโตมาจากแผนการขยายทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (Private Wealth) ควบคู่ไปกับแผนการ Upselling ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย โดยบล.ไพน์ เวลท์ฯ ยังคงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาออกแบบกลยุทธ์การลงทุนเฉพาะบุคคลให้แก่ลูกค้าแต่ละรายตามวัตถุประสงค์การลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Personalize Portfolio Management)
สำหรับแผนงานในปี 2569 ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ AUA เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปี 2568 แตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้ารายได้ปี 2569 อัตราการเติบโตที่ระดับ 35% และอัตราการเติบโตกำไรที่ 40-45% จากปี 2568 พร้อมมุ่ง AUA สู่ระดับ 100,000 ล้านบาทในระยะถัดไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ปี 2569 นอกจากพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการคัดเลือกกองทุนรวมให้กับลูกค้าเวลธ์อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เรายังมีแผนเพิ่มทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ในส่วนของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 22 คนจากปัจจุบันมีจำนวน 11 คน ส่วนตัวแทนที่ปรึกษาลงทุนอิสระปัจจุบันมีมากถึง 200 คน ด้วยการเพิ่มพันธมิตรมากขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างดีลกับพันธมิตรหลายแห่ง”นายพงศกร กล่าว
อย่างไรก็ดี ในแง่ของการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย บล.ไพน์ เวลท์ฯ ได้ร่วมมือกับ บลจ.พันธมิตร เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Structured Note ในช่วงไตรมาส 1/2569 ซึ่งออกแบบมาเพื่อจับจังหวะตลาด (Capture Moment) และสร้างโอกาสทำกำไรให้กับลูกค้าได้ในทุกสภาวะ แม้ในช่วงตลาดขาลง
ทั้งนี้ บล.ไพน์ เวลท์ฯ ได้จัดตั้งธุรกิจเข้าสู่ปี 5 ด้วยการวางกลยุทธ์ธุรกิจตรงเป้าหมาย ทำให้สามารถทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรกในการจัดตั้งบริษัทฯ โดยมั่นใจว่ายังมีช่องว่างในการทำตลาดลูกค้า Private Wealth ได้อีกมาก ทำให้ไม่กังวลต่อผู้เล่นในกลุ่มนี้ที่มีอยู่จำนวนมากในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลยุทธ์การดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
บล.ไพน์ เวลท์ฯ ยังคงแนวคิด One-Stop Financial Service ให้กับนักลงทุน โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (Private Wealth) เพื่อช่วยแนะนำการลงทุนให้เหมาะกับนักลงทุนตามสถานการณ์เศรษฐกิจแบบ Asset Allocation บนโมเดล Open Architecture ในการลงทุนระยะกลางถึงยาว ร่วมกับการลงทุนแบบจับจังหวะตลาดให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของลูกค้า และตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา บล.ไพน์ เวลท์ฯ ได้พัฒนาตนเองผ่านเทคโนโลยี AI เราเริ่มต้นจากการพัฒนา โปรแกรม AI-Powered Multi-Asset Investment Intelligence เป็นการพัฒนาระบบภายในควบคู่ไปกับทีมกลยุทธ์การลงทุนของเรา โปรแกรมนี้นำเสนอทั้งด้าน Technical & Fundamental Outlook ที่ผ่านมาผมเลือกนำร่องโปรแกรมนี้ สำหรับที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (Private Wealth) ของเราก่อน
“คาดว่าภายในปีหน้าบล.ไพน์ เวลท์ฯ จะนำเทคโนโลยี ด้าน AI เข้ามา Full System ภายในบริษัท เพื่อเป็นเครื่องมือพิเศษที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมที่ปรึกษาทางการเงิน (Private Wealth) ของบริษัทในการดูแล ให้บริการและให้คำแนะนำแก่ลูกค้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัท คือ การช่วยให้ลูกค้ามีเวลาเพื่อไปใช้กับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ธุรกิจ หรือสุขภาพของลูกค้าเองให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินอีกต่อไป (Secure Your Wealth, Liberate Your Time) และในฐานะบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เรามุ่งเน้นการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่น (Resilient Portfolio)”นายพงศกร กล่าว

“ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดความร้อนแรง แนะลดสัดส่วนหุ้นเทค”
นายปิยะทัศน์ พาโสมนัสสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนว่า ภาพการลงทุนของปี 2569 เป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทายสูงหลังการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตามกระแสการลงทุนและพัฒนา AI รวมถึงดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นขาลง ซึ่งหากจะให้อธิบายฉากทัศน์การลงทุนด้วยประโยคหนึ่งที่สามารถอธิบายประเด็นนี้อย่างครบถ้วนคือ “Normalization After the AI Hype and Rate Easing” โดยตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2569 แม้จะยังอยู่บนแนวโน้มขาขึ้นแต่การปรับตัวขึ้นต่ออาจเป็นการแกว่งตัวในกรอบหรือปรับตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะราคาหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยบวกไปค่อนข้างมากแล้วในขณะที่ระดับการประเมินมูลค่ามีความตึงตัว
ในระยะถัดไปนักลงทุน “คาดหวัง” กับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีระดับการเติบโตของกำไรที่สูงอย่างต่อเนื่องจากความเคยชินที่ได้เห็นผลประกอบการของกลุ่มดังกล่าวรวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ดีกว่าคาดอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้ามบนระดับ Valuation ที่ตึงตัวในปัจจุบันนักลงทุนก็พร้อมที่จะขายทำกำไรเพื่อลดสัดส่วนการลงทุนลงอย่างน้อยก็ในระยะสั้นเมื่อเผชิญกับ “ความไม่แน่นอน” ต่างๆ ทั้งจากปัจจัยเฉพาะตัวรายบริษัท-อุตสาหกรรมและปัจจัยภายนอกที่มาจากความเสี่ยงเชิงนโยบายตลอดจนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เบื้องต้น
“ยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนในประเด็นที่เป็นความเสี่ยงของอุตสาหกรรม AI-Semiconductor ได้แก่ ผลประกอบการ ORACLE บริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ กลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการระบบข้อมูลและซอฟต์แวร์ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนา AI มีผลประกอบการต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย โดยบริษัทมีระดับของงบประมาณด้านการลงทุน (Capex) และหนี้สินระยะยาวสูงแต่อาจจะมีการรับรู้รายได้ในอนาคตล่าช้ากว่าที่นักลงทุนเคยประเมิน ความเสี่ยงดังกล่าวนำไปสู่การ Selloff อย่างรุนแรงใน 1 วันทำการ และอีกกรณีหนึ่งคือการประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Broadcom หนึ่งในบริษัทกลุ่ม Semiconductor ขนาดใหญ่ โดยผู้บริหารมีการให้ Guidance ทิศทางของระดับกำไร (Margin) ในอนาคตว่ามีแนวโน้มลดลงบนโครงสร้างของรายรวมที่เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ราคาหุ้นเผชิญกับแรงขายที่รุนแรงในระยะสั้นเช่นกัน สิ่งเหล่าสะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อการลงทุนด้าน AI ในปัจจุบันว่าเป็นการลงทุนที่มากเกินไปหรือไม่และระดับ Valuation ของหุ้นมีความเหมาะสมสอดคล้องกับการเติบโตในปัจจุบันและอนาคตมากน้อยแค่ไหน” นายปิยะทัศน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในปีหน้า ยังมีแนวโน้มที่รักษาทิศทางขาขึ้นได้ต่อ แต่การปรับตัวขึ้นอาจไม่ร้อนแรงเหมือนในช่วงที่ผ่านมา และมีโอกาสสูงที่จะไม่กระจุกตัวอยู่เพียงแค่ในสหรัฐฯ – กลุ่มเทคโนโลยีเหมือนเดิม นักลงทุนเริ่มมองหาตลาดหุ้น-สินทรัพย์การลงทุนอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกมากขึ้น ในมุมมองของ Pine Wealth Solution การลงทุนในหุ้นควรพิจารณากระจายการลงทุนมายังภูมิภาคเอเชียและกลุ่ม Emerging Market ซึ่งมีระดับของ Valuation ที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบกับหุ้นสหรัฐฯ ส่วนในกลุ่ม Development Market อาจพิจารณากระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แต่มีระดับราคาที่ถูกกว่าเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีค่าสหสัมพันธ์กับหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นต่ำเป็นแนวทางหลักที่เราได้สื่อสารและปฏิบัติจริงเสมอมา นอกจากกลยุทธ์การกระจายการลงทุนที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ทีม Investment Product & Strategy ยังคงมองหาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์การลงทุนของลูกค้า ซึ่งมีความต้องการที่หลากหลายและมีวัตถุประสงค์การลงทุนที่ต่างกัน ดังนั้น บนการประยุกต์ใช้กลยุทธ์และรูปแบบของคำแนะนำเรายังคงมองหา “Alpha” ในการลงทุน ขณะเดียวกันเราได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงหรือ Risk Management โดยเราพร้อมที่จะเปิดกว้างในการเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อออกแบบการลงทุนที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน
“จับตาเลื่อนเลือกตั้งฉุดหุ้นไทย Downside 1,100-1,200 จุด”
นายปิยะทัศน์ กล่าวว่า สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยในปี 2569 ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยการเมือง ดังนั้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าบล.ไพน์ เวลท์ฯ เตรียมปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลงจาก Slight Overweight เป็น Neutral จากเสถียรภาพทางการการเมืองที่มีแนวโน้มเป็นรัฐบาลผสม โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,300-1,320 จุด บนสถานการณ์ปัจจุบัน จากเดิมมองไว้ที่ 1,350 จุดและ Downside อยู่ที่ 1,100-1,200 จุด ซึ่งต้องจับตาดูการเลือกตั้งหากเลื่อนออกไปจากกำหนด 8 ก.พ.2569 อาจกระทบต่องบประมาณล่าช้าออกไป ทำให้ Downside หุ้นไทยเร็วขึ้น จากความเชื่อมั่นเริ่มลดลง
กลยุทธ์การลงทุนในปีหน้า แนะนำจัดพอร์ตกระจายการลงทุน ให้น้ำหนักหุ้น 60% ตราสารหนี้ 30% และสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ 10% โดยในส่วนของหุ้นสหรัฐฯ เหลือ 30-40% ลดน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยีลง กระจายไปยังกลุ่มไฟแนนซ์ไม่เกิน 10% และเฮลธ์แคร์ไม่เกิน 10% หุ้นกลุ่มประเทศพัฒนา เช่น ยุโรป หรือ ญี่ปุ่น สัดส่วน 10% หุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน หรือ ไทยเน้นหุ้นปันผล สัดส่วน 10%
ส่วนตราสารหนี้ แนะลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 20% ตราสารหนี้ไทย 10% ขณะที่ 10% ลงทุนทองคำ หรือลงทุนเหมืองทองคำ โดยคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2569 อยู่ที่ 4,600-4,900 เหรียญ/ออนซ์
