HoonSmart.com>>หุ้นเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 35.33 จุด หรือ 2.77% บวกต่อเนื่องเดือนที่สอง ปัจจัยบวกหนุนลุ้นพ.ย.ไปต่อ ธปท.มองเศรษฐกิจไตรมาส 4 ฟื้น โครงการคนละครึ่งพลัสยอดใช้จ่ายรวมกว่า 5,424.68 ล้านบาท บล.เอเซียพลัสมองหุ้นไทยถูกลงหลังกำไรไตรมาส 3-4 ออกมา แนะทยอยสะสม หุ้น CPF-WHA-OR-OSP-BANPU
ตลาดหุ้นวันที่ 31 ต.ค.2568 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปิดที่ 1,309.50 จุด เพิ่มขึ้น 35.33 จุด คิดเป็น 2.77% จากเดือนก.ย.ปิดที่ 1274.17 จุด บวก 37.56 จุดหรือ 3.04% จากเดือนส.ค.ปิดที่ 1236.61 จุด
อย่างไรก็ตาม เดือนต.ค.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -4,388.30 ล้านบาท รวมทั้งปีนี้ขายสุทธิสูงถึง -100,625.08 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันไทยขายในเดือนต.ค.จำนวน 13,197.09 ล้านบาท รวมทั้งปี -19,027.01 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนไทยเดินหน้าซื้อในเดือนก.ย. +13,417.37 ล้านบาทและทั้งปี +133,164.89 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส มีมุมมองบวกเรื่อง VALUATION ด้าน PE ของดัชนีหุ้นถือว่าน่าสนใจ แนวโน้มจะปรับลงมาถูกในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า จากกำไรงวดไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2567 อยู่ในฐานที่ต่ำ หนุน Trailing P/E อยู่ระดับ 17 เท่า หากกำไรงวดไตรมาส 3 และ 4 /2568 กลับสู่ภาวะปกติราว 2.5-2.6 แสนล้านบาท จะหนุนให้ Trailing P/E มีโอกาสทยอยลดลงจาก 17 เท่าเหลือ 14 เท่า ณ สิ้นปีนี้ หากหัก DELTA ที่มี PE เกิน 100 เท่าออก จะเหลือ PE เพียง 12 เท่าเท่านั้น
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสม 5 หุ้น ในช่วงที่นักลงทุนต่างชาติจะเห็นหุ้นไทยถูกลงเรื่อยๆ ได้แก่
CPF มี P/E 6 เท่า หมดเจ ราคาหมูเริ่มฟื้น
WHA มี P/E 9 เท่า รับกระแส tarriff ดีขึ้น
OR ค่า P/E จะลดลงเร็ว จากฐาน ไตรมาส 3/2567 ขาดทุน และอาจกลับเข้าการคำนวณของดัชนี MSCI LARGE CAP (รอบเร็วสุดเข้า 6 พ.ย. 2568)
OSP ค่า P/E จะลดลงเร็ว จากฐาน ไตรมาส 3/2567 ขาดทุน เหลือ 13 เท่า ได้ประโยชน์จาก โครงการคนละครึ่งพลัส
BANPU ราคา LAGGARD ราคาอ้างอิง TENDER หุ้น BPP
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก และ นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2568 กำลังส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล การกระตุ้นจากภาครัฐ และการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยภาคการท่องเที่ยวได้รับแรงสนับสนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” และ “เที่ยวดีมีคืน” ซึ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ขณะเดียวกัน ความต้องการเดินทางจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม Long-haul เริ่มกลับมาอย่างชัดเจน สะท้อนผ่านการจองล่วงหน้าและการเพิ่มขึ้นของ Seat Capacity
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจอาจมีอัพไซด์สูงกว่า 2.2% เกินคาดการณ์ที่รวมไว้ในประมาณการณ์เศรษฐกิจก่อนหน้านี้
ทางด้านนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ณ วันที่ 31 ต.ค. 2568 เวลา 17.00 น. มีผู้ใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส สำเร็จแล้วกว่า 13.60 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวมกว่า 5,424.68 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 2,739.81 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 2,684.87 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. โดยในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มสิทธิ 200 บาท ขณะที่มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 780,659 ราย
———————————————————————————————————————————————————–

