CGSI ลุ้นหุ้นเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ สหรัฐระงับมาตรการภาษีฯ 90 วัน

HoonSmart.com>> บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ลุ้นดัชนี SET เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ช่วงสั้น รับ Sentiment บวกจากสหรัฐระงับมาตรการภาษีนำเข้า 90 วันให้กับ 75 ประเทศที่ขอเจรจาและประเทศที่ไม่ตอบโต้

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ บริเวณ 1,100 จุด +/- ลุ้นเทคนิคเคิลรีบาวด์ หรือ เด้งในระยะสั้นรับ sentiment บวกจากสหรัฐฯระงับมาตรการภาษีนำเข้า (Reciprocal Tariffs) 90 วันให้กับ 75 ประเทศที่ขอเจรจาและประเทศที่ไม่ตอบโต้ โดยปัจจุบันสหรัฐมุ่งเน้นนโยบายภาษีนำเข้าไปที่เพียง “ประเทศจีน”

ดังนั้นกลยุทธ์ในระยะสั้นสำหรับ trading แนะนำกลุ่มที่รับ sentiment บวกจากการคลายความกังวลต่อนโยบายภาษีสหรัฐ เช่น ค้าปลีก (CPALL BJC), กลุ่ม Home improvement (HMPRO), กลุ่มที่ Valuation ลงมาลึก เช่น AMATA จากความกังวลนโยบายภาษีนำเข้าจะชะลอการลงทุน Data Centre, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัดส่วนแนวราบสูง (AP, SIRI) และรับอานิสงค์การลดค่าโอน-จดจำนองบ้าน-คอนโดไม่เกิน 7 ล้านบาท ถึง 30 มิ.ย. 2569, กลุ่มท่องเที่ยวอย่าง MINT ที่ได้รับผลกระทบจำกัด, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA) จากประโยชน์ทางอัตราภาษีที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับจีนและ PTT, PTTEP รับอานิสงค์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากการคลายความกังวลด้านอุปสงค์

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงท่องเที่ยว เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน 2568” กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วง Low season โดยคาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิ์ในช่วง เดือน พ.ค.-ก.ย. 2568

หุ้นแนะนำ BJC โดย BigC สาขารัชดาที่ปรับปรุงเสร็จในเดือน ก.พ. 2568 แสดงให้เห็นความสำเร็จในช่วงแรกจากการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ในมุมของเรา ทั้งด้านรูปแบบค้าปลีกที่กระชับ ชาญฉลาด และการเปลี่ยนแปลงการจัดการอาหารสด เห็นสัญญาณการพลิกฟื้นของ BigC (Take profit: 23.8 / Stop loss: 22)

GULF ตลาดมีมุมมองเชิงบวก ต่อการขยายธุรกิจของ GULF ที่ทำให้มีฐานะการเงินที่มั่นคงขึ้น และคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีระหว่างปี 2568-2570 นอกจากนี้ ตลาดมองว่า GULF มีการเติบโตของกำลังการผลิตที่มั่นคง และความเสี่ยงต่ำ โดยราว 74% มาจากโรงไฟฟ้า IPP ที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า (Take profit: 45.0 / Stop loss: 39.5)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวน์แข็งแกร่ง โดย ดัชนี DJIA (+7.87%), S&P500 (+9.51%) และ Nasdaq (+12.16%) ได้แรงหนุนจากการที่ Donald Trump ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และ สภาวะ Stagflation (เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง แต่เศรษฐกิจชะลอตัว)

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากประเทศจีนตอบโต้นโยบายภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น 50% เป็น 84% ทั้งนี้หลังการระงับมาตรการตอบโต้ 90 วัน Donald Trump ได้พุ่งเป้าหมายไปที่เพียง “ประเทศจีน” ที่ได้ตอบโต้นโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% (เพิ่มขึ้นอีก 21%) โดยมีผลบังคับใช้ทันที

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรการวัดความวิตกกังวลนักลงทุนลดลง 35.75% ปิดที่ระดับ 33.62 (vs. 57.96 จุด ก่อนประกาศระงับมาตรการภาษีนำเข้า)

หุ้น 11 กลุ่มใน S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น +14.15% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 11.36%

ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกที่ 62.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการระงับนโยบายภาษีตอบโต้ที่คลายความกังวลด้านอุปสงค์จากนโยบายภาษีในวงกว้าง นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล