THAI โชว์กำไรพุ่ง 12,480 ลบ.Q3/67 เปิดเจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุน 19 -21 พ.ย.นี้

HoonSmart.com>>”การบินไทย” (THAI) โชว์ผลงานไตรมาส 3/67  กำไรพุ่ง 12,479.52 ล้านบาท  รายได้รวม 45,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,820 ล้านบาท หรือ 23.8% ยื่นไฟลิ่งปรับโครงสร้างทุน คาดเปิดทางเจ้าหนี้ใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุน 19 -21 พ.ย.นี้ ขายหุ้นเพิ่มทุนแล้วเสร็จธ.ค. ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาส 2/68  ประชุมเจ้าหนี้โหวตแก้แผนฟื้นฟูกิจการเลื่อนไป 29 พ.ย.นี้

บริษัท การบินไทย  (THAI) เปิดเผยผลงานงวดไตรมาสที่ 3/2567 มีกำไรสุทธิ  12,479.52 ล้านบาท เท่ากับกำไรหุ้นละ 5.72 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ  1,537.69 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น โดยรวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น  15,195.21 ล้านบาทหรือ 6.96 บาท ลดลงจากที่ทำได้จำนวน 16,313.54 ล้านบาทหรือ 7.47 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน

 

บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 7,192 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาส 3/2566 ซึ่งมีกำไร 7,719 ล้านบาท มีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 4,829 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวม 10,119 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 6,655 ล้านบาท

ขณะที่มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 45,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,820 ล้านบาท หรือ 23.8% ซึ่งมีรายได้รวม 37,008 ล้านบาท  โดยมีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.94 ล้านคน มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ลดลงจาก 77.3% เป็น 76.1% มีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 38,636 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีจำนวน  29,289 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น เป็นค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 13,550 ล้านบาท คิดเป็น 35.1% ของค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว)

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 25,056 ล้านบาท หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวมีรายได้รวม  135,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 115,897 ล้านบาท คิดเป็น 17.2%และมีค่าใช้จ่ายรวม 111,617 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 28.9% ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 86,567 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน 24,193 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปี 2566 ที่กำไร 29,330 ล้านบาท คิดเป็น 17.5% มีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 14,233 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นรายได้รวม 5,273 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารที่หมดอายุ กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แต่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องบินแบบแอร์บัส A380-800

ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567 บริษัทฯ มีเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการทั้งสิ้น 77 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 57 ลำ โดยบริษัทฯ มีการรับเครื่องบินลำตัวกว้างจากการเช่าดำเนินการเข้ามาในฝูงบิน จำนวน 2 ลำ ในช่วงเดือนตุลาคม รวมเครื่องบินที่รับเพิ่มในปีนี้ทั้งหมดจำนวน 9 ลำ บริษัทฯ มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 13.0 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.2% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 15.3% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.4% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 80.0% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 11.62 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.7%

ส่วนสินทรัพย์รวมจำนวน 263,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  24,752 ล้านบาท หรือ 10.4% หนี้สินรวมจำนวน 291,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,551 ล้านบาท หรือ 3.4% ส่วนของผู้ถือหุ้น ติดลบจำนวน 27,941 ล้านบาทลดลงจากสิ้นปี2566 จำนวน 15,201 ล้านบาท และจากผลประกอบการที่เป็นบวก บริษัทฯ มีเงินสด ตั๋วเงินฝาก เงินฝากประจำที่มีระยะเวลาที่ครบกำหนดชำระมากกว่า 3 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดภายใน 1 ปี 82,587 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 3,531 ล้านบาท

บริษัทฯ ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 เพื่อปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเป้าหมายให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลายเป็นบวก ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ

ส่วนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการประกอบด้วย (ก) การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแบบภาคบังคับเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 37,828 ล้านบาท (ข) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 12,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion) และ (ค) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 4,845 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ เป็นทุนโดยความสมัครใจ ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ปรากฏชื่ออยู่ในฐานข้อมูลบริษัทฯ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2567 สามารถตรวจสอบสิทธิในการแปลงหนี้เป็นทุนผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ https://ir.thaiairways.com/ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ถึง 21 พฤศจิกายน 2567

“คาดว่าเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการจะสามารถแสดงเจตนาการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการทั้งในส่วน Voluntary Conversion และหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักได้ ตั้งแต่วันที่ 19 -21 พ.ย. 2567 ภายหลังจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และ ร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ”

เจ้าหนี้ใช้วิธีการ (ก) กรอกรายละเอียดในใบแสดงเจตนาใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุน (Hard Copy) ผ่านสำนักงานใหญ่ของ บล.เกียรตินาคินภัทร ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และผ่านสำนักงานใหญ่หรือสาขาทั่วประเทศของธนาคารกรุงไทย  ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ (ข) แสดงเจตนาใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย   ด้วยระบบ Money Connect by Krungthai ผ่านทาง Krungthai NEXT Application สำหรับเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการประเภทบุคคลธรรมดาเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหนี้สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ในส่วนที่ 4 ของหนังสือชี้ชวนที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. (https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=652590&lang=th)

นอกจากนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น (รวมทั้งหุ้นที่เหลือจาก Voluntary Conversion (หากมี)) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ พนักงานของบริษัทฯ และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) (ตามลำดับ) โดยคาดว่าจะดำเนินการเสนอขายให้เสร็จภายในเดือนธ.ค. 2567  และคาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาส 2/2568

ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า กรณีผู้บริหารแผนได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อเพิ่มข้อกำหนดให้ชัดเจนว่าเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับชำระหนี้ก่อนกำหนดเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินปันผลที่จะมีการเสนอจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น ๆ รวมทั้งการเพิ่มผู้บริหารจำนวน 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ได้จัดการประชุมเจ้าหนี้ วันที่ 8 พ.ย. 2567 เพื่อพิจารณาคำร้องขอแก้ไขแผนทั้ง 3 ฉบับ โดยมีเจ้าหนี้ที่มีหนี้รวมกันจำนวน 55.92% ของจำนวนหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ได้มีมติให้เลื่อนการพิจารณา ในการนี้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ได้นัดประชุมใหม่ในวันที่ 29 พ.ย.2567 เวลา 10.00 น.

——————————————————————————————————————————————————–